ไม่พบผลการค้นหา
เปิดงาน 'THAIFEX 2019' ดันอาหารไทยสู่ครัวโลก ด้วยนวัตกรรม เปิดโอกาสเพิ่มมูลค่าธุรกิจ พาผู้ประกอบการพบคู่ค้า จัดงาน 5 วัน คาดเงินสะพัด 1.15 หมื่นล้านบาท

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ร่วมด้วย หอการค้าไทย และโคโลญเมสเซ่ ประเทศเยอรมนี จัดงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มภายใต้ชื่อ "THAIFEX - World of Food ASIA 2019" ตอกย้ำศักยภาพการเป็นแหล่งอาหารและครัวโลก ทั้งยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจจากการดึงผู้ซื้อจากทั่วโลกกว่า 130,000 คน คาดเม็ดเงินสะพัดกว่า 11,500 ล้านบาท

สำหรับปีนี้ งานยังจัดจัดที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 28 พฤษภาคม - 1 มิถุนายนนี้ โดยมีผู้ประกอบการร่วมแสดงสินค้ากว่า 2,600 ราย จาก 42 ประเทศ 


สำรวจงาน Thaifex World of Food

นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้คือครั้งที่ 28 แล้ว และเป็นการแสดงความยิ่งใหญ่ในอุตสาหกรรมอาหารของไทย โดยวัตถุประสงค์สำคัญในการจัดงานครั้งนี้มี 3 ประการ

  • การผลักดันครัวไทยสู่สากล
  • สร้างรายได้ให้ประเทศ
  • สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ประกอบการรายใหม่ 

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย ย้ำถึงมิติการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารไทย โดยพูดถึงบทบาทของหอการค้าไทยและหอการค้าจังหวัดในการช่วยผู้ประกอบการท้องถิ่น ให้มีโอกาสเข้ามาศึกษาดูงานเพื่อกลับไปพัฒนาสินค้าของตน เตรียมความพร้อมสู่การส่งออกสินค้าไปยังตลาดต่างประเทศ

ทั้งนี้ นายกลินท์ ยังพูดถึงสถานการณ์การส่งออกของไทยที่ยังมีโชคไม่ดีท่ามกลางสถานการณ์ที่ยังไม่สงบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน พร้อมประเมินว่า ตัวเลขการส่งออกของไทยในปีนี้น่าจะไม่โตมาก อีกทั้งความขัดแย้งระหว่างประเทศมหาอำนาจทั้งสองจะส่งผลกระทบต่อบทบาทของไทยในโครงการเส้นทางสายไหมใหม่ของจีนและรัฐบาล ซึ่ง ต้องระมัดระวังในการวางตัว


สำรวจงาน Thaifex World of Food

สำหรับประเทศไทยในสายตาของต่างชาติ นายแมธเธียส คูเปอร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โคโลญเมสเซ่ จำกัด เผยว่าต่างชาติยังคงมองไทยเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมอาหารมาตลอด

 

"ทั่วโลกรู้จักอาหารไทย ถ้าจะเทียบก็คือพรีเมียร์ลีกของฟุตบอล" นายแมธเธียส กล่าว


โชว์เคสนวัตกรรมในอาหารและเครื่องดื่ม

ตัวอย่างอาหารและเครื่องดื่มไทยที่น่าสนใจในงานปีนี้ อาทิ 'เซซามิลค์' (SESAMILK) น้ำนมงาแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่ได้รับรางวัลในงานแสดงสินค้าครั้งนี้ โดยนางศิริเพ็ญ สุนทรมั่นคงศรี ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของบริษัท กล่าวว่า บริษัทของตนเป็นบริษัทแรกของโลกที่สามารถสกัดน้ำนมออกมาจากเมล็ดงาได้ ส่งผลให้น้ำนมงาที่สกัดออกมาได้จะมีสารเซซามินมากกว่าปกติถึง 280 เท่า


สำรวจงาน Thaifex World of Food

สารเซซามินนั้นโดยปกติมีความสามารถช่วยเรื่องหัวใจ ลดความดันโลหิต อีกทั้งคนที่เป็นโรคเบาหวานก็สามารถทานได้ เพราะสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือด ที่สำคัญยังมีงานวิจัยออกมาสนับสนุนว่าสารเซซามินสามารถช่วยรักษามะเร็งได้

ด้านการพัฒนานั้น นางศิริเพ็ญกล่าวว่าบริษัทได้ร่วมทำการวิจัยกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง โดยใช้เวลาประมาณ 2.5 ปี คิดค้นการสกัดน้ำนมจากเมล็ดงา อีกทั้งยังได้ความเชี่ยวชาญในการเลือกพันธุ์งาจากความรู้ดั้งเดิมที่ทางบ้านทำโรงงานกระเทาะเปลือกธัญพืชมากว่า 60 ปี


"โดยเฉพาะการกระเทาะงา เราเป็นเจ้าใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เราก็อยากจะต่อยอดเป็นอาหาร ให้ทุกคนทานได้" นางศิริเพ็ญ กล่าว


สำรวจงาน Thaifex World of Food

อีกตัวอย่างคือ 'เนเชอแรน' (Naturen) เป็นผลิตภัณฑ์อีกชนิดหนึ่งที่ได้รับรางวัลด้านนวัตกรรมในครั้งนี้ โดยสินค้านี้มีคุณสมบัติในการช่วยเก็บรักษาผลไม้ที่มีการปลอกเปลือกแล้วให้อยู่ได้นานขึ้น โดยสารในผลิตภัณฑ์จะไปเคลือบชั้นผิวผลไม้ไว้เป็นฟิล์มบางๆ ป้องกันการระเหยของน้ำและการเกิดปฏิกิริยากับสารต่างๆ

นายดาวิด เพชโรทัย นักการตลาดและการดูแลผลิตภัณฑ์ ของบริษัท เอเด้น อาคิเทค กล่าวว่า ต้นกำเนิดของผลิตภัณฑ์มาจากการมองเห็นสินค้าเหลือทิ้งปริมาณมากในอุตสาหกรรมเกษตร และต้องการหาทางออกให้กับปัญหาตรงนั้น โดยผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้เริ่มมาจากงานวิจัยของนักศึกษาในภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนำมาต่อยอด

นายดาวิด เสริมว่า กลุ่มลูกค้าปัจจุบันคือผู้ประกอบการที่ซื้อแล้วนำไปชุบตะไคร้ เนื่องจากตะไคร้หากนำไปล้างน้ำจะงอกใหม่ ผู้ประกอบการจึงไม่นิยมล้างตะไคร้ และนำผลิตภัณฑ์ของบริษัทไปใช้แทน อีกทั้งบริษัทยังวางแผนที่จะพัฒนาสินค้า เพื่อนำไปใช้กับผักและดอกไม้เนื่องจากมีความใกล้เคียงกันในเชิงโครงสร้างการรักษาความสดใหม่

อาหารเป็นสินค้าที่สามารถขายได้ตลอด เนื่องจากมนุษย์ยังต้องการพลังงานในการดำรงชีวิต อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของการทำธุรกิจ การนำวัตถุดิบสดมาขายเลยอาจไม่ใช่แนวคิดในการเพิ่มมูลค่าสินค้าที่ดีเท่าไหร่นัก ทั้งยังต้องเผชิญกับคู่แข่งจำนวนมากในท้องตลาด การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ เข้ามาเสริมในสินค้าหรืออาหาร จึงเป็นการสร้างความแตกต่างและโอกาสในการขายสินค้าให้ผู้ประกอบการได้มากกว่า