การเมือง
ฝ่ายค้านโวย ส.ว.ใช้อำนาจชิงปิดประชุมกมธ.แก้ รธน. - 'วิรัช'แถลงขอโทษประชุมล่ม
เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2563 ที่รัฐสภา หลังจากคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 ประชุมได้เพียง 1 ชั่วโมงเศษ ก็เกิดเหตุต้องปิดประชุมทันที โดยรังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการ ระบุว่า ที่ประชุมพิจารณาการแก้ไขมาตรา 256 เกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 1 หมวด 2 และหมวด 15 โดยมีการเปรียบเทียบกับหมวดอื่นๆ ว่าควรจะต้อง ทำประชามติหรือไม่ แต่เมื่อธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการ ตั้งคำถามถึงความจริงจังในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่กลับมีการใช้อำนาจสั่งปิดประชุม และผิดหวังกมธ.จากวุฒิสภา เพราะไม่ได้มีเจตนาแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่อยากให้รัฐธรรมนูญเป็นของประชาชน อายุและสถานะไม่ได้ทำให้วุฒิภาวะสูงขึ้น
โดย รังสิมันต์ กล่าวถึงบรรยากาศในที่ประชุมคณะกรรมาธิการว่า เริ่มต้นด้วยการปิดไม่ให้การถ่ายทอดออกไปข้างนอกห้องประชุมก่อน เพราะคงกลัวดูไม่ดีในสายตาประชาชน โดย มหรรณพ เดชวิทักษ์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในฐานะประธานที่ประชุมชั่วคราวพยายามห้ามปรามไม่ให้มีการพาดพิงกัน แต่ก็มีการตะคอกตัดบท จนที่สุดใช้อำนาจสั่งปิดที่ประชุมทันที พร้อมย้ำว่า ประเด็นที่เกิดความขัดแย้งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกล่าวถึงหมวด 1 บททั่วไป และหมวด 2 พระมหากษัตริย์ แต่เป็นเรื่องที่มีความเห็นต่างสองฝ่าย ว่าควรให้แก้ไขรัฐธรรมนูญได้โดยง่าย หรือให้แก้ไขรัฐธรรมนูญได้ยาก
โวยถูกปิดปากบี้แก้ รธน.
โดยธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานกรรมาธิการ กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ควรจะเปิดให้กรรมาธิการได้พูดทุกแง่มุม แต่ตนเองในฐานะเป็นรองประธานกรรมาธิการ ถูกสกัดไม่ให้พูดและถูกใช้อำนาจปิดประชุม เมื่อตั้งคำถามถึงความจริงใจเกี่ยวกับการแก้รัฐธรรมนูญ หลังมีความเห็นแตกต่างกันในกรรมาธิการ ฝ่ายหนึ่งอยากให้แก้ไขรัฐธรรมนูญโดยง่าย อีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้อยากให้แก้ไขรัฐธรรมนูญโดยง่าย ซึ่งตนเองอภิปรายถึงที่มาของรัฐธรรมนูญปี 2560 เพื่อสืบทอดอำนาจ คสช. และเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องพูด แต่อาจจะสะกิดความรู้สึก ส.ว. ในคณะกรรมาธิการฯ จึงถูกคัดค้านจาก ส.ว. ถึงขนาดบอกว่าจะไม่ร่วมทำงานด้วย และขอให้ปิดประชุม ยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้จะไม่ยอมเด็ดขาด ไม่ควรใช้อำนาจกดขี่ ย้ำว่าสิ่งที่พูดทั้งหมดคือความจริง
ขณะที่ จิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นคือขบวนการขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่ญัตติ ไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความอำนาจรัฐสภาแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 รวมถึงความพยายามให้ความเห็นว่ารัฐธรรมนูญไม่สามารถแก้ไขได้ทั้งฉบับ ตามความเห็นของนายอุดม รัฐอมฤต อดีตกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งที่เอกสารชวเลขของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญที่มี มีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน ระบุว่าสามารถจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ได้
โกศล ปัทมะ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการ กล่าวว่า เสียดายเวลาที่ประธานคณะกรรมาธิการสั่งปิดการประชุม เสียดายภาษี เสียดายเบี้ยเลี้ยงที่จ่ายให้คณะกรรมาธิการ เรียกร้องให้ผู้ที่ทำหน้าที่ประธานคณะกรรมาธิการมีวุฒิภาวะ และใครก็ตามที่จะมาทำหน้าที่ประธานที่ประชุมเพื่อร่างรัฐธรรมนูญ ขอให้เป็นบุคคลที่มีวุฒิภาวะมากกว่านี้ และทุกฝ่ายมีสิทธิ์ชี้แจงทุกแง่ทุกมุมของรัฐธรรมนูญ อาจจะกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่ขอให้ทุกคนมีสิทธิ์ชี้แจง
ส.ว. แจงเหตุกระทบกระทั่ง ส.ส.ก้าวไกลเป็นเรื่องธรรมดา
ด้าน ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในฐานะโฆษก กมธ.พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม แถลงความคืบหน้าการทำงานของคณะกรรมาธิการว่า วันนี้ที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯ มีการเสนอแก้ไขมาตรา 256 ให้มีเงื่อนไขการแก้ที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งกำลังพูดคุยกันว่าเห็นอย่างไร เป็นลักษณะการอภิปรายอย่างกว้างขวางที่ยังไม่เสร็จสิ้น และยังไม่มีการลงมติแต่อย่างใด เพราะขณะนี้ยังเป็นการอภิปรายทั่วไปให้ครอบคลุมเนื้อหาที่อยู่ในร่าง จากนั้นจึงจะพิจารณาในรายละเอียดแต่ละประเด็นที่แต่ละคนได้แสดงความเห็นไว้ กรรมาธิการทุกคนไม่ว่าฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และส.ว. มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะให้การแก้ไขเป็นไปตามความชอบด้วยเหตุผล และข้อเท็จจริง เพื่อเป็นข้อมูลที่เสนอต่อรัฐสภาพิจารณาต่อไป
ดิเรกฤทธิ์ กล่าวว่า กากถกเถียงในที่ประชุมถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งแต่ละคนมีการอภิปรายแสดงเหตุผลประกอบ บางครั้งอาจมีการพาดพิงกันบ้าง ถูกกล่าวหาไม่ได้รับความเป็นธรรมบ้าง ก็มีการชี้แจงจากผู้ที่ถูกพาดพิง แต่เหตุผลประกอบอาจจะการพาดพิงกันอีกก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาของการประชุม เหตุการณ์ในวันนี้อาจมีการกระทบกระทั่งกันบ้างที่มีการอ้างอิงถึงรัฐธรรมนูญเก่า แต่ยืนยันว่า การทำงานของคณะกรรมาธิการ ยังเดินหน้าไปด้วยดี โดยที่ทุกคนมุ่งมั่นทำหน้าที่ของตัวเอง
ส่วนกรรมาธิการในส่วนของพรรคก้าวไกล ระบุว่าในการประชุมมีการปิดกั้นการแสดงความเห็น และรวบรัดปิดประชุม ดิเรกฤทธิ์ กล่าวว่า เป็นดุลยพินิจของผู้ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมในตอนนั้น เมื่อเห็นว่ากรรมาธิการบางคนกำลังมีอารมรณ์ในการชี้แจงเหตุผลที่ต่างกัน จึงปิดประชุม ไม่ได้ผิดปกติแต่เป็นเรื่องธรรมดาที่จะดำเนินการ อย่างไรก็ตาม ถ้ากรรมาธิการบางคนจะกล่าวหาว่า ส.ว.ไม่จริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขอให้หยุด ทำงานร่วมกันต้องให้เกียรติกัน อยากให้สร้างบรรยากาศให้ดี ไม่กล่าวหากัน
'วิรัช' ขอโทษประชุมล่ม - เตรียมลุยรายละเอียด ส.ส.ร.
ด้าน วิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฯ แก้ไขเพิ่มเติม แถลงชี้แจงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในการประชุมกรรมาธิการในวันนี้ (17 ธ.ค.) จนทำให้ต้องปิดการประชุมก่อนกำหนดว่า ตนติดภารกิจที่ห้องการประชุมใหญ่ จึงให้นายมหรรณพ เดชวิทักษ์ ส.ว.ในฐานะรองประธาน กมธ. ทำหน้าที่การประชุมชั่วคราว ซึ่งในระหว่างนั้น พิจารณาในมาตรา 256 (8) ที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในหมวด 1 หมวด 2 และอำนาจหน้าที่ขององค์กรอิสระ จะต้องผ่านการออกเสียงประชามติก่อน จนเป็นเหตุให้ ธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการ เกิดการอภิปรายพาดพิงวุฒิสภา ระหว่างการพิจารณาดังกล่าว จึงเป็นเหตุให้เกิดความขัดแย้งในที่ประชุม จนทำให้มหรรณพ ต้องปิดการประชุมก่อน จึงขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
วิรัช ยังชี้แจงด้วยว่า การแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสำคัญของประเทศ จะต้องพิจารณาอย่างละเอียดอ่อน ให้ทุกคนอภิปรายอย่างเต็มที่ พร้อมเปิดเผยถึงการพิจารณาหลังจากนี้ว่า จะเริ่มพิจารณาในรายละเอียด ส.ส.ร. ซึ่งหากเรื่องใดที่เป็นประเด็นสำคัญ แต่ไม่ได้ข้อสรุปก็จะแขวนประเด็นดังกล่าวไว้ก่อน เพื่อไปพิจารณาลงมติในช่วงท้ายการประชุม ก่อนวันที่ 8 ม.ค. 2564 โดยคาดว่า กลางเดือน ม.ค. 2564 การพิจารณาทั้งหมดจะแล้วเสร็จ
ส่วนความเห็นต่อการแก้ไขในมาตรา 256 (8) ที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในหมวด 1 หมวด 2 และอำนาจหน้าที่ขององค์กรอิสระ จะต้องผ่านการออกเสียงประชามติก่อนนั้น วิรัช เห็นว่า ยังจำเป็นต้องคงไว้ ตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
