3 ยุบ 1 เลิก 1 แก้ ประกอบไปด้วยยุบศาลรัฐธรรมนูญ ยุบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยุบ ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้ง
1 เลิก คือ ยกเลิกมาตรา 279 ในรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ว่าด้วยการนิรโทษกรรมให้กับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
และ 1 แก้ คือ แก้มาตรา 256 ขั้นตอนการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ง่ายขึ้นเพื่อเปิดทางให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้ง
คือภารกิจสำคัญของ 'คณะก้าวหน้า' ภายหลังเริ่มนับหนึ่งเป็นจุดเริ่มต้นทางการเมืองนอกรัฐสภาเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2563 ของ 3 แกนนำพรรคอนาคตใหม่ ประกอบด้วย 'ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ' อดีตหัวหน้าพรรค 'ปิยบุตร แสงกนกกุล' อดีตเลขาธิการพรรค และ 'พรรณิการ์ วานิช' อดีตโฆษกพรรค
ทั้ง 3 คนคือผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ และยังเป็นกรรมการบริหารพรรคที่ถูกโทษทางการเมืองห้ามลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2563 จากการกู้เงินยืมจาก 'ธนาธร' จำนวน 191.2 ล้านบาท
โดยมติของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มองว่าเงินกู้ยืมดังกล่าวเป็นเงินบริจาคที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีโทษถึงยุบพรรคพร้อมตัดสิทธิทางการเมือง
'วอยซ์ออนไลน์' สัมภาษณ์พิเศษ 'ธนาธร' เป็นครั้งแรกในวันที่เปิดตัวคณะก้าวหน้า ท่ามกลางมรสุมที่เขาได้เผชิญ และยังต้องพิสูจน์ข้อกล่าวหาที่ 'คณะกรรมการการเลือกตั้ง' (กกต.) จะต้องเดินหน้าฟันคดีอาญาจากคดีถือหุ้นสื่อในบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งเขาได้ถูกตีความให้พ้นจากสถานะ ส.ส.
'ธนาธร' ยืนยันผ่าน 'วอยซ์ออนไลน์' ว่า "ทำทุกวันให้ไม่มีอะไรต้องเสียใจ"
แม้ถนนทางการเมืองในวันข้างหน้าจะไม่รู้บทสรุปจะเป็นเช่นไร แต่อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ประกาศนับ 1 จากนี้ไปขอปักธงทางความคิดเพื่อเอาชนะกับเผด็จการและแนวคิดอนุรักษนิยมในสนามการเมือง
ก่อนหน้านั้นเราก็ยังเชื่อว่าพรรคจะไม่ถูกยุบ ถึงแม้เราก็รู้ว่ามันมีโอกาสถูกยุบอยู่ ดังนั้นเราก็ได้มีการเตรียมการเพื่อที่จะรองรับในทุกสถานการณ์อยู่แล้ว แต่อย่างที่เราบอกปากกาไม่ได้อยู่ในมือเรา อำนาจไม่ได้อยู่ในมือเรา ดังนั้นเราจำเป็นจะต้องเตรียมการกับทุกสถานการณ์ เรายังเชื่อว่าไม่ถูกยุบเชื่อว่าตามกฎหมายแล้วมันยุบไม่ได้ แต่เราก็รู้อยู่แล้วว่าบางครั้ง บางทีหลักกฎหมายมันก็ใช้ไม่ได้เราจึงเตรียมการทั้งสำหรับทุกสถานการณ์ที่จะเป็นไปได้
ผมคิดว่าทางพรรคก้าวไกลได้ออกมาประกาศแล้วว่าเขาจะดำเนินการตามแนวนโยบายของพรรคอนาคตใหม่ต่อไป ส่วนผมเองก็ยังยืนยันว่าเป้าหมายทางการเมืองคือสร้างสังคมไทยที่คนไทยเท่าเทียมกัน ประเทศไทยเท่าทันโลก ซึ่งเป็นเป้าหมายทางนโยบายของพรรคอนาคตใหม่อยู่แล้ว เราก็จะเอาเรื่องราวต่างๆที่เรารณรงค์ไม่ว่าจะเป็นการยุติระบบราขการรวมศูนย์ที่กรุงเทพ ไม่ว่าจะเป็นการทำลายระบบผูกขาดในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการยกเลิกการเกณฑ์ทหารแบบบังคับสิ่งต่างๆเหล่านี้เราก็จะรณรงค์ต่อเนื่อง รวมไปถึงแน่นอนที่สุดการแก้รัฐธรรมนูญด้วย
เชื่อมั่นสิครับ ถ้าไม่เชื่อมั่นสมาชิกของพรรคก็คงไม่เลือกคุณพิธาเป็นหัวหน้าพรรคหรอกครับ ดังนั้นเชื่อมั่น จากประสบการณ์ที่เคยทำงานด้วยกันมาคุณพิธาเป็นคนที่มีศักยภาพ เป็นคนที่เรียนรู้เร็ว เป็นคนที่มีความเป็นผู้นำผมไม่สงสัยเลยในความเป็นผู้นำของคุณพิธา ผมไม่สงสัยในศักยภาพของคุณพิธา
ภารกิจของคณะก้าวหน้ามีอยู่ 3 อย่างด้วยกัน 1.คือปักธงความคิด กลับไปเริ่มภารกิจนี้เหมือนที่เราตั้งพรรควันแรก ตั้งพรรควันแรกมันไม่ใช่เรื่องการเอาชนะการเลือกตั้ง มันไม่ใช่เรื่องได้จำนวนส.ส.เยอะๆ แต่เป็นเรื่องปักธงทางความคิด ต่อสู้ทางความคิด ความคิดเสรีนิยมต่อสู้กับความคิดอนุรักษนิยม ความก้าวหน้าต่อสู้กับความล้าหลัง ประชาธิปไตยต่อสู้กับเผด็จการ ความเท่าเทียมต่อสู้กับการเลือกปฏิบัติ นี่คือสิ่งต่างๆที่เรารณรงค์ ความหวังต่อสู้กับความกลัว ดังนั้นเราจะกลับไปทำเรื่องนี้ปักธงความคิด ถ้าเราชนะทางความคิดได้ เราชนะทุกสมรภูมิได้
ดังนั้นเราต้องชนะทางความคิดกับผู้คน ทำยังไงให้ความคิดแบบนี้ความเชื่อว่าประชาธิปไตยคือทางออกทางเดียวที่เหลืออยู่ของประเทศ ทำยังไงที่จะทำให้ว่าแนวคิดคนทุกคนต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันมีสิทธิเสรีภาพทางการเมืองอย่างเท่าเทียมกัน ถ้าเราทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้ สังคมไทยยังมีความหวังที่จะออกจากความขัดแย้งทางการเมืองได้
ภารกิจอันดับที่ 2 ก็คือ การเลือกตั้งท้องถิ่น เราเห็นความสำคัญของการเมืองระดับท้องถิ่นและเราจะทำการเมืองระดับท้องถิ่นในหลายจังหวัดตั้งแต่ระดับ อบจ. อบต. ระดับเทศบาลเพราะเราเชื่อว่าการเมืองท้องถิ่นจะเป็นการแสดงให้ประชาชนเห็นว่าเสียงของเขามีค่าประชาธิปไตยมีความหมาย ท้องถิ่นมีความใกล้ชิดกับประชาชนและสามารถทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้นได้ อย่าลืมไปเลือก ส.ส. ส.ส.ไปอยู่ในสภากว่าจะออกกฎหมายแล้วส่งผลกระทบต่อประชาชนได้ ขั้นตอนมันยาวแต่ถ้าท้องถิ่นมันใกล้กับประชาชนมาก มันสามารถทำให้ประชาชนเห็นว่าประชาธิปไตยมันทำงานได้และเราอยากจะทำอย่างนั้น อยากทำให้ประชาชนเห็นว่าถ้าเราเข้าไปมีอำนาจในฝ่ายบริหารระดับท้องถิ่น เป็นผู้บริหารระดับท้องถิ่น เข้าถึงอำนาจรัฐระดับท้องถิ่นได้ เข้าถึงทรัพยากรรัฐได้
ถ้าเราไม่โกงกิน ถ้าเราไม่มีการใช้เครือข่ายอุปถัมภ์ ไม่ต้องให้สัญญานักธุรกิจพวกพ้องตัวเองเอาภาษีของประชาชน เอางบของท้องถิ่นมาใช้เพื่อประโยชน์สูงสุดของท้องถิ่นนั้นๆ ประชาชนในท้องถิ่นจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เราเชื่อแบบนั้นและเราอยากจะทำให้ประชาชนเห็น
ภารกิจที่ 3 การสร้างเครือข่ายของประชาชน เราต้องการสร้างเครือข่ายของประชาชนที่เข้มแข็ง เครือข่ายของคนที่รักประชาธิปไตย เครือข่ายของคนที่รักความเป็นธรรมที่พร้อมจะต่อสู้ที่พร้อมจะเดินไปข้างหน้าพลักดันวาระต่างๆ เหล่านี้ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย ปักธงความคิด เลือกตั้งท้องถิ่น และสร้างเครือข่ายของคนที่รักประชาธิปไตยและรักความเป็นธรรม
ไม่หรอกครับ การผลักดันนโยบายต่อให้พรรคไม่โดนยุบ ต่อให้ไม่มีส.ส.งูเห่ายังไงฝ่ายค้านก็มีไม่ถึง 250 เสียง ผ่านกฎหมายไม่ได้เองอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ว่ากฎหมายจะเป็นวาระอะไรกฎหมายที่ฝ่ายค้านเสนอก็ต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากส.ส.ฝ่ายรัฐบาลไม่อย่างนั้นมันผ่านกฎหมายไม่ได้ 250 เสียง 251 เสียงถึงจะผ่านกฎหมายได้ ดังนั้นไม่ว่าจะถูกยุบหรือไม่ถูกยุบจะผลักดันกฎหมายผ่านสภาผู้แทนราษฎร์ต้องอาศัยการทำงานร่วมมือกัน การเห็นประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้งไม่ใช่ว่าทุก พ.ร.บ.ที่รัฐบาลเสนอฝ่ายค้านจะต่อต้าน ไม่ใช่ว่าทุก พ.ร.บ.ที่ฝ่ายค้านเสนอรัฐบาลจะต่อต้าน ดังนั้นไม่ว่าจะถูกยุบหรือไม่ถูกยุบเสียงของฝ่ายค้านมีไม่พอผ่านกฎหมายอยู่แล้วต้องอาศัยการทำงานร่วมกันอยู่แล้ว
"เราเลือกเส้นทางที่จะต่อสู้กับความไม่เป็นธรรม เรายังไม่ยอมจำนนทำงานทุกวันให้ดีที่สุด ใช้อิสรภาพที่เหลืออยู่ของเราทุกวันให้มีค่าที่สุด ทำทุกวันให้ไม่มีอะไรต้องเสียใจ"
การเมืองมันอยู่ทุกที่ทั้งในสภาและนอกสถา เราไม่ได้ตั้งพรรคมาเพื่อเป็นส.ส เราไม่ได้ตั้งพรรคเพื่อขึ้นมาเป็นรัฐมนตรี แต่เราตั้งพรรคเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไม่มีพรรคอยู่ความฝันยังอยู่ ภารกิจยังอยู่ ถ้าภารกิจคือการเปลี่ยนแปลงประเทศ ถ้าภารกิจคือการให้ทำสังคมไทยให้ดีขึ้น เป็นพรรคการเมืองหรือเป็นคณะก็ทำได้ เพราะเราไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง เราไม่ได้แคร์เรื่องยศฐาบรรดาศักดิ์
มันร้อยรัดกันไปด้วยอุดมการณ์อยู่แล้ว เพราะมันออกมาจากพรรคอนาคตใหม่เหมือนกัน ถ้าจะเดินหน้าต่อไป มันก็คือการทำงานร่วมกัน เพราะอุดมการณ์เหมือนกัน มันไม่ใช่ว่า ต้องบอกว่าถ้าวันใดวันนึงพรรคก้าวไกลเปลี่ยนแปลงไป เราก็ไม่ต้องเลือกพรรคก้าวไกลก็แค่นั้นเอง มันร้อยรัดกันในลักษณะของอุดมการณ์
"ความก้าวหน้าต่อสู้กับความล้าหลัง ประชาธิปไตยต่อสู้กับเผด็จการ ความเท่าเทียมต่อสู้กับการเลือกปฏิบัติ นี่คือสิ่งต่างๆที่เรารณรงค์ ความหวังต่อสู้กับความกลัว"
ไม่กังวลหรอกครับ คือเราเลือกเส้นทางนี้แล้ว เราเลือกเส้นทางที่จะต่อสู้กับความไม่เป็นธรรม เรายังไม่ยอมจำนนทำงานทุกวันให้ดีที่สุด ใช้อิสรภาพที่เหลืออยู่ของเราทุกวันให้มีค่าที่สุด ทำทุกวันให้ไม่มีอะไรต้องเสียใจไม่ต้องเป็นกังวลไม่ต้องเป็นอุปสรรคของการทำงาน
คุณไม่มีทางสามารถรู้ได้ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง ดังนั้นไปนั่งกังวลใจอะไรกับมันไม่มีความหมาย เสียเวลาเปล่าๆ เสียสมาธิในการทำงาน ไม่ต้องสนใจมันอะไรจะเกิดก็เกิด เราพร้อมเผชิญหน้ากับทุกรูปแบบเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าสิ่งที่เราทำมันใหญ่กว่าตัวเราเอง เตือนตัวเองอยู่เสมอว่านี่คือภารกิจที่จะส่งต่อสังคมที่ดีกว่านี้ให้กับคนรุ่นต่อไป ดังนั้นมันใหญ่กว่าตัวเราเองถ้าจะมานั่งคิดแต่เรื่องตัวเรา คิดแต่เรื่องอีโก้ ภารกิจมันก็เดินไม่ได้
ถ้าสถานการณ์มันเรียกร้องถ้าจำเป็นต้องทำ แต่การเคลื่อนไหวของนิสิตนักศึกษา รวมถึงนักเรียนเป็นการเคลื่อนไหวที่ออกมาจากเจตจำนงของเขาเอง ซึ่งอันนี้ต้องบอกว่าเป็นสิ่งแปลกใหม่ในประเทศไทย เพราะว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นในกรุงเทพอย่างเดิมมันไม่ได้เกิดขึ้นที่ธรรมศาสตร์แต่มันเกิดขึ้นทุกมหาวิทยาลัยทั่วประเทศตั้งแต่เหนือจดใต้ ต้องแต่ตั้งวันออกจดตะวันตก
อันนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยแล้วมันเกิดขึ้นไปเองไม่มีใครสามารถไปบงการ ไม่มีใครสามารถไปสั่งการพวกเขาได้ มันเกิดขึ้นจากเจตจำนงของพวกเขาเอง มันเกิดในลักษณะที่ไม่มีผู้นำ มันเกิดในลักษณะที่มันเกิดจัดการโดยส่วนใหญ่ผ่านทางออนไลน์ ดังนั้นนี่เป็นช่วงเวลาที่น่าสนใจมากว่าการเคลื่อนไหวของนิสิตนักศึกษาแล้วก็นักเรียนจะพาประเทศไทยไปทางไหน จะวิวัฒนาการไปทางไหน ให้กำลังใจกับคนทุกคนที่ต่อสู้กับความถูกต้องในประเทศไทย
ไม่มีใครรู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นการจะมาบอกว่าคณะก้าวหน้าจะลงถนนหรือเปล่าผมคิดว่าคำถามแบบนี้ไม่มีความจำเป็นต้องตอบเพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นสถานการณ์จะเป็นยังไง ถ้ามันต้องทำต้องทำ ถ้ามันมีวิธีอื่นทางเลือกที่ดีกว่าก็ทำทางอื่น ดังนั้นคำถามแบบนี้สำหรับผมด้วยภาวะวิสัยและอัตวิสัยตอนนี้มันตอบไม่ได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง