ไม่พบผลการค้นหา
รัฐบาลสหรัฐฯที่มีนายโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดี ตกอยู่ในสภาวะแช่แข็ง หรือถูกชัตดาวน์แล้ว หลังจากที่สภาคองเกรสไม่ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณ ส่งผลให้หน่วยงานรัฐหลายแห่งทั่วประเทศต้องปิดทำการและเจ้าหน้าที่รัฐจะไม่ได้รับเงินเดือนในระหว่างการแช่แข็ง

รัฐบาลสหรัฐฯถูกชัตดาวน์หรือถูกแช่แข็งแล้ว หลังจากที่ผ่านเส้นตายเวลาเที่ยงคืนของวันศุกร์ที่ 19 มกราคม ตามเวลาท้องถิ่น และส.ว.ของพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตยังคงมีความขัดแย้งกันในหลายประเด็น ทำให้ร่างกฎหมายงบประมาณฉบับใหม่ของสหรัฐฯที่จะถูกนำมาใช้จ่ายสำหรับหน่วยงานต่างๆจนถึงวันที่ 16 กุมภาพันธ์นี้ ได้รับคะแนนเสียงสนับสนุน 50 ต่อ 49 เสียง ไม่ถึง 60 เสียงตามกำหนด ถือว่าเป็นการแช่แข็งรัฐบาลสหรัฐฯครั้งแรกที่เกิดขึ้นโดยที่พรรครัฐบาลเป็นผู้ควบคุมทั้งสภาคองเกรสและทำเนียบขาว ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าอับอายสำหรับพรรครีพับลิกัน และยังเป็นการถูกแช่แข็งที่ตรงกับวาระดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีครบ 1 ปีของนายทรัมป์ด้วย

การที่รัฐบาลสหรัฐฯถูกแช่แข็งจะทำให้หน่วยงานรัฐหลายแห่งต้องปิดทำการ แต่หน่วยงานที่ให้บริการด้านพื้นฐานกับประชาชนยังคงทำการตามปกติ เช่น การไฟฟ้า, ไปรษณีย์, โรงพยาบาล, เรือนจำ, หน่วยกู้ภัย, การจราจรทางอากาศ และหน่วยงานด้านความมั่นคง แต่หน่วยงานอื่นๆที่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชนโดยตรง เช่น สวนสาธารณะ และอุทยานแห่งชาติทั่วสหรัฐฯอาจต้องปิดให้บริการ ซึ่งก็จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของสหรัฐฯและสร้างความไม่พอใจให้กับคนอเมริกันจำนวนมาก เหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อรัฐบาลสหรัฐฯถูกแช่แข็งครั้งล่าสุดเมื่อปี 2013 ซึ่งเกิดขึ้นเป็นเวลา 16 วัน

แม้หน่วยงานด้านความมั่นคงจะยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ แต่งานก่อสร้างและงานฝึกสอนอบรมบุคลากรของกองทัพจะถูกสั่งให้หยุด นอกจากนี้การออกหนังสือเดินทางให้กับชาวอเมริกัน และการออกวีซาให้ชาวต่างชาติอาจเกิดความล่าช้าในช่วงแช่แข็ง คาดว่าจะมีเจ้าหน้าที่รัฐประมาณ 850,000 คน จากทั้งหมด 3,500,000 คน ที่ต้องหยุดทำงานโดยไม่มีกำหนดและไม่ได้รับค่าตอบแทน

สาเหตุที่สภาคองเกรสไม่ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณฉบับใหม่ เพราะวุฒิสมาชิกของพรรครีพับลิกัน และเดโมแครต ไม่สามารถตกลงหลายๆประเด็นร่วมกันได้ โดยเฉพาะเรื่องที่พรรคเดโมแครตเรียกร้องให้เหล่าผู้อพยพวัยเยาว์หรือดรีมเมอร์ที่มีมากกว่า 700,000 คน ต้องได้รับการปกป้องไม่ให้ถูกเนรเทศออกนอกสหรัฐฯ ซึ่งพรรครีพับลิกันใช้เรื่องนี้ต่อรองเพื่อให้ได้งบประมาณมหาศาลที่จะนำมาใช้ควบคุมชายแดนให้เข้มงวดมากขึ้น รวมทั้งใช้ในการสร้างกำแพงกั้นแนวชายแดนสหรัฐฯและเม็กซิโกด้วย

การเจรจาเรื่องงบประมาณที่จะนำมาใช้ควบคุมชายแดนของสหรัฐฯกลายเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากขึ้น เมื่อนายทรัมป์เรียกผู้อพยพในสหรัฐฯว่ามาจากประเทศโสโครก

โฆษกของทำเนียบขาวกล่าวหาพรรคเดโมแครตว่ากำลังใช้ประชาชนสหรัฐฯเป็นตัวประกันเพื่อบีบบังคับให้รัฐบาลทำตามข้อเรียกร้อง และรัฐบาลสหรัฐฯจะเร่งหาทางออกให้กับวิกฤตที่เกิดขึ้น

ภาพ: AP