เมื่อเวลา 14.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้งนัดพิเศษ มีวาระพิจารณาเลือกประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คนใหม่โดยมีว่าที่ กกต. ที่ผ่านความเห็นชอบ จากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จำนวน 5 คนประกอบด้วย 1.นายสันทัด ศิริอนันต์ 2.นายอิทธิพร บุญประคอง 3.นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย 4.นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี และ 5.นายปกรณ์ มหรรณพ เข้าประชุมร่วมกัน โดยมติที่ประชุมเห็นชอบให้นายอิทธิพร บุญประคอง ว่าที่ กกต.สายสรรหาเป็นประธาน กกต.คนใหม่
สำหรับการประชุมเพื่อดำเนินการเลือกกันเองให้คนหนึ่งเป็นประธาน กกต. วันนี้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาตรา 204 มาตรา 206 ประกอบมาตรา 217 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต. พ.ศ.2560 มาตรา 12 วรรคเก้า
ทั้งนี้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการ สนช. จะได้กราบเรียนผลการเลือก ประธาน กกต. ของผู้ได้รับความเห็นชอบจาก สนช.ให้ดำรงตำแหน่ง กกต.ทั้ง 5 คนให้ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบเพื่อจะได้ดำเนินการนำความขึ้นกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการการเลือกตั้งต่อไป
สำหรับนายอิทธิพร บุญประคอง ปัจจุบันอายุ 61 ปี เคยเป็นอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ รวมทั้งเคยเป็นผู้แทนพิเศษของรัฐบาลไทยในการรณรงค์หาเสียงสนับสนุนการสมัครเข้ารับเลือกตั้งของไทยในตำแหน่งสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เคยเป็นเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก และเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรแห่งประเทศไทย ประจำองค์การเพื่อการห้ามอาวุธเคมี สำหรับ กกต.ชุดใหม่นี้ ถือ กกต.ชุดทีี่ 5 นับตั้งแต่มี กกต.
ประธาน กรธ.ย้ำจำเป็นต้องเดินหน้าเลือกประธาน กกต.
ขณะที่ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ยืนยันว่า พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต. พ.ศ.2560 ระบุว่าหากมี กกต.ชุดใหม่จำนวนเพียง 5 คน สามารถเลือกประธาน กกต.ได้ไม่มีปัญหาขัดต่อรัฐธรรมนูญ จากนี้ต้องเดินไปข้างหน้า จำเป็นต้องเลือกก็ต้องเลือก รอได้ก็ต้องรอ แต่ถึงขณะนี้ไม่สามารถรอได้ เพราะจะเลือกตั้งแล้ว ส่วนรวมต้องเดินหน้า จะรอกันสัก 2 ปี ให้สรรหาจนครบ 7 คนแล้วเลือกประธาน จะรอกันไหวหรือไม่
นายมีชัย ยืนยันว่าการเลือกประธานโดย กกต.5 ไม่ใช่การตัดโอกาสอีก 2 คน ที่เหลือ ซึ่งกกต. 5 คนก็มีความสง่างามและชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งหากไม่เลือกประธาน ก็ไม่สามารถนำรายชื่อทั้ง 5 คน ขึ้นทูลเกล้าฯได้ และจะส่งผลให้ กกต.ชุดเดิม ที่มีอยู่ก็ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ พร้อมย้ำว่าตำแหน่งประธานก็กำหนดชัดให้ดำเนินการรวดเดียว เพื่อไม่ให้มาตกลงภายหลังผลัดกันเป็น หากใครออกจากตำแหน่งประธาน ก็ต้องพ้นตำแหน่ง กกต.ด้วย
ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยกกต. มาตรา 12 วรรคเก้า ระบุว่า ถ้า กกต.จำานวนถึงห้าคน ก็ให้ดําเนินการประชุมเพื่อเลือกประธานกรรมการได้ และเมื่อโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งแล้ว ให้คณะกรรมการดําเนินการตามหน้าที่และอํานาจต่อไปพลางก่อนได้ โดยในระหว่างนั้นให้ถือว่า คณะกรรมการประกอบด้วยกรรมการเท่าทีมีอยู่และให้ดําเนินการสรรหาหรือคัดเลือกเพิ่มเติมให้ครบ ตามจํานวนที่ต้องสรรหาหรือคัดเลือกต่อไปโดยเร็ว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง