แอปพลิเคชั่น AirVisual เปิดตัวครั้งแรกในปี 2015 โดยทีมงานความร่วมมือจากนานาชาติ ด้วยความปรารถนาให้ชาวโลกได้เข้าถึงเทคโนโลยี พร้อมเข้าใจถึงสภาพอากาศรอบตัว อีกทั้งทางทีมงานยังเชื่อด้วยว่าการสื่อสารกันของชาวโลกจะเป็นพลังที่ทำให้โลกของพวกเรามีสุขภาพที่ดี และเป็นสถานที่ที่ดูดีได้
แอปฯ นี้กลายเป็นแอปฯ เกี่ยวกับมลพิษทางอากาศอันดับ 1 ของโลก เพราะให้คนสามารถใช้งานได้ฟรี เพื่อเข้าถึงข้อมูลของสภาพอากาศขนาดใหญ่กว่า 9,000 เมืองทั่วโลก
แอปฯ ดังกล่าว โฆษณาว่าพวกเขาใช้ศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่หรือ Big Data และใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการติดตามสภาพอากาศทั่วโลก ก่อนส่งออกไปยังผู้ใช้ที่ติดตามข้อมูลในแอปฯ , เว็บไซต์ , และเครื่องมอนิเตอร์สภาพอากาศ (AirVisual Node)
ทีมงานวอยซ์ ออนไลน์ทดลองโหลดแอปฯ นี้มาทดลองใช้งานพบว่าสถานที่ตั้งออฟฟิศมีค่าดัชนีคุณภาพอากาศหรือ AQI อยู่ที่ 137 ส่วน PM 2.5 อยู่ที่ 50 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ถือว่ายังเป็นอันตรายต่อสุขภาพต่อคนเฉพาะกลุ่มอยู่ โดยในแอปฯ ให้คำแนะนำคือ ปิดหน้าต่างเพื่อป้องกันอากาศด้านนอกเข้ามาในอาคาร, เปิดเครื่องกรองอากาศ, สำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพสวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่อออกนอกบ้าน และหลีกเลี่ยงกิจกรรมหรือออกกำลังกายกลางแจ้ง
แอปฯ ยังเปรียบเทียบจังหวัดใหญ่ๆในประเทศไทยให้ดูด้วย โดยจังหวัดที่เป็นสีแดง คือ เป็นอันตรายต่อสุขภาพเลยคือ จังหวัดนครราชสีมา มีค่าดัชนีคุณภาพอากาศที่ 151 ค่า PM 2.5 อยู่ที่ 55.8 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ส่วนจังหวัดที่มีสีเขียว ที่บ่งบอกว่าสภาพอากาศดีกับสุขภาพคือ จังหวัดภูเก็ต เลขดัชนีคุณภาพอากาศ คือ 29 และไม่มีแสดงเตือนค่า PM 2.5 ในจังหวัดนี้ด้วย
จากการจัดอันดับประเทศที่มีปัญหาด้านมลพิษทางอากาศโดยวัดจากค่าดัชนีคุณภาพอากาศ จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทยอยู่ในอันดับ 10 ของตาราง และกรุงเทพมหานครอยู่ลำดับที่ 15
สำหรับอันดับ 1 คือ กรุงคาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน มีค่าดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 350 คือระดับที่เป็นอันตราย ค่า PM 2.5 อยู่ที่ 299.9 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร สำหรับใครที่จะออกจากบ้านต้องสวมใส่หน้ากากป้องกันทุกคน
ส่วนประเทศที่มีค่าดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ในระดับดี 5 อันดับ คือ สวิตเซอร์แลนด์, เยอรมนี, สหรัฐอเมริกา, สเปน, และบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา