นพ.สงกรานต์ ไหมชุม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยะลา (สสจ.) เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคหัด ในพื้นที่จังหวัดยะลา ว่า ปัจจุบันสถานการณ์ดีขึ้น ในอดีตที่ผ่านมาสถานการณ์การเกิดโรคหัดอยู่ที่ 50-60 คนต่อวันโดยประมาณ ในเดือนพฤศจิกายน นี้ผู้ป่วยจะอยู่ที่ 10 กว่าคนต่อวัน บางวันอยู่ 7-8 คนต่อวัน ซึ่งเป็นผลมาจากการฉีดวัคซีน ที่ผ่านมาในกลุ่มเด็ก 9 เดือน – 5 ปี ฉีดวัคซีนได้ร้อยละ 94 ซึ่งขณะนี้ยังพบผู้ป่วยในกลุ่มเด็กโต อายุ 6 – 12 ปี อยู่ ทาง สสจ.จะทำการฉีดวัคซีนเก็บตกในกลุ่มอายุดังกล่าว โดยจะใช้การเคาะโรงเรียน ในอาทิตย์หน้านี้ หากทำได้ครบเป้า คาดว่าโรคหัดจะทยอยหมดไปจากพื้นที่จังหวัดยะลาในที่สุด
นอกจากนี้ ในพื้นที่จังหวัดใกล้เคียงคือ ปัตตานีและนราธิวาส ยังมีการเกิดโรคอยู่ ทำให้ทางจังหวัดยะลา ต้องมีการฉีดวัคซีนการป้องกันการแพร่เชื้อโรคเข้ามาในพื้นที่อีกเนื่องจากได้มีการเดินทางไปหาสู่กัน อาจจะติดโรคได้ เพราะผู้มีเชื้อโรค 1 คน สามารถแพร่กระจายเชื้อไปสู่คนอื่นได้ถึง 18 คน ดังนั้นโอกาสที่จะติดโรคหัดง่ายมาก จึงขอฝากผู้ปกครองทุกท่าน ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไปจะมีรณรงค์ฉีดวัคซีนในกลุ่มเด็กโต เพื่อเป็นการเก็บตก โดยจะไปฉีดวัคซีนที่โรงเรียนทุกแห่ง
ส่วนกรณีที่มีการปฏิเสธการรับวัคซีนของบางกลุ่มบางพื้นที่ นพ.สาธารณสุขจังหวัดยะลา กล่าวว่า ทางสาธารณสุขจังหวัดยะลาได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงศึกษาธิการ ทางฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในการที่จะให้ความเข้าใจทีจะให้เกิดความร่วมมือจากประชาชน ซึ่งทางสำนักงานสาธารณสุข จะเน้นการสร้างความเข้าใจของประชาชน และจะดำเนินการไปเรื่อยๆอย่างเป็นระยะๆ ยังไม่ยอมแพ้จนกว่าจะได้เป้าตามที่กำหนดในทุกจุดทุกหมู่บ้านต่อไป
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคหัดในพื้นที่จังหวัดยะลา ตั้งแต่ ม.ค.-23 พ.ย.61 มีผู้ป่วยจำนวน 1,318 ราย ตั้งแต่ ก.ย.-23พ.ย. มีจำนวน 1,227 ราย เสียชีวิต จำนวน 10 ราย มีผู้ป่วยรายใหม่ในวันที่ 23 พ.ย. จำนวน 8 ราย ฉีดวัคซีน ผู้สัมผัส จำนวน 1,073 ราย เคาะประตูบ้าน ได้ จำนวน 7,887 ราย เคาะโรงเรียน ได้จำนวน 11,744 ราย มีผู้ป่วยนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล จำนวน 32 ราย มีอาการหนัก 1 ราย