ไม่พบผลการค้นหา
วันครบรอบ 21 ปีฮ่องกงกลับคืนสู่อ้อมอกจีนแสดงให้เห็นถึงความพ่ายแพ้ของขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยของฮ่องกง เมื่อการประท้วงไม่ช่วยให้ฝ่ายประชาธิปไตยชนะการเลือกตั้ง

วันที่ 1 ก.ค. 1997 เป็นวันที่อังกฤษส่งคืนฮ่องกงให้กับจีน หลังจากสิ้นสุดสัญญาเช่านาน 99 ปี โดยมีเงื่อนไขว่าจีนจะต้องปกครองด้วยนโยบาย “หนึ่งประเทศสองระบบ” แต่ปัจจุบัน ชาวฮ่องกงกลับรู้สึกว่าฮ่องกงกำลังถูกจีนกลืน สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกก็เริ่มถูกลิดรอนลงไปเรื่อยๆ จนเกิดการชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่ขึ้นในปี 2014 ที่เป็นข่าวดังไปทั่วโลก

แต่ไม่ถึง 4 ปีหลังจากขบวนการเคลื่อนไหวออคคิวพายเซนทรัลที่นำโดยแกนนำนักเรียนและนักศึกษาถูกสลายไป ฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตยของฮ่องกงกลับดูสิ้นหวังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน โดยสำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า วันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา แกนนำฝ่ายประชาธิปไตยประเมินว่ามีคนเข้าร่วมประมาณ 50,000 คน ส่วนตำรวจประเมินว่ามีคนเข้าร่วมเพียง 9,800 คน จากเมื่อปี 2014 ที่มีคนเข้าร่วมชุมนุมมากกว่า 100,000 คน

สำนักข่าวเอบีซีนิวส์ของออสเตรเลียสัมภาษณ์ อาร์เธอร์ หย่ง นักศึกษาฮ่องกงเกี่ยวกับความเห็นของเขาต่อการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยของฮ่องกง เขากล่าวว่า ก่อนการปฏิวัติร่ม ทุกคนมีความหวังว่าหากต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยแล้ว อาจประสบความสำเร็จได้ แต่เมื่อการปฏิวัติร่มไม่ได้นำไปสู่การได้ประชาธิปไตย ทุกคนก็ยิ่งรู้สึกหมดหวังมากขึ้นเรื่อยๆ

ผลการสำรวจความเห็นชาวฮ่องกง 1,000 คนของโครงการสำรวจความเห็นสาธารณะ มหาวิทยาลัยฮ่องกงเมื่อเดือนก่อนแสดงให้เห็นว่า ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2018 ความไม่ไว้ใจรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่สูงขึ้น สูงสุดเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่ฮ่องกงคืนสู่จีน รองลงมาจากช่วงปี 2014 ที่มีการประท้วงออคคิวพายเซนทรัลเท่านั้น โดยคนรุ่นใหม่รู้สึกไม่ภาคภูมิใจที่ตัวเองจะได้เป็นพลเมืองของจีน และไม่พอใจกับนโยบายของจีนแผ่นดินใหญ่มากขึ้นด้วย

โจชัว หว่อง แกนนำฝ่ายประชาธิปไตยของฮ่องกงระบุว่า คนรุ่นใหม่ไม่พอใจรัฐบาลจีนนับตั้งแต่ฮ่องกงคืนสู่จีนแล้ว แต่ความไม่พอใจนั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงหลังมานี้ โดยปีที่ผ่านมา มีนักเคลื่อนไหวเกือบ 100 คนถูกจับกุมคุมขัง รวมถึงนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิที่ดินด้วย ขณะที่ตัวเขาเองก็ถูกจำคุกไป 2 เดือน ซึ่งถือเป็นการแสดงให้เห็นว่าจีนได้เข้ามาแทรกแซงการเมืองและกระบวนการรัฐของฮ่องกง

ขบวนการอ็อคคิวพายเซนทรัลเกิดจากอาจารย์มหาวิทยาลัยที่ต้องการเรียกร้องสิทธิในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ฮ่องกงโดยที่จีนไม่ต้องคัดเลือกว่าผู้สมัครต้องจงรักภักดีต่อจีนแผ่นดินใหญ่หรือไม่ โดยพวกเขาตั้งใจว่าขบวนการนี้จะไม่มีแกนนำมากำหนดทิศทางในการชุมนุม เพื่อแสดงถึงเจตจำนงเสรีของคนรุ่นใหม่ แต่สุดท้ายฝ่ายประชาธิปไตยฮ่องกงก็ได้เรียนรู้ว่า พวกเขาจำเป็นต้องมีแกนนำและยุทธศาสตร์ จึงได้ตั้งพรรคเดโมซิสโต พรรคเดโมเครติก เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวที่ผ่านมา 4 ปี ไม่ได้เติมไฟให้คนลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอย่างแข็งขัน แต่กลับคนให้คนเหนื่อยล้าและเบื่อหน่ายกับการเมือง สำนักข่าวเซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์รายงานว่า เมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา ฝ่ายประชาธิปไตยฮ่องกงแพ้การเลือกตั้งแบบย่อยยับ เพราะฝ่ายประชาธิปไตยฮ่องกงไม่สามารถทำให้ชนชั้นล่างมองเห็นได้ว่า ประชาธิปไตยจะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของเขาดีอย่างไร เพราะการประท้วงทำให้เศรษฐกิจซบเซาลง ความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีกับจีนอาจทำให้จีนถอนการลงทุนมหาศาลออกมาฮ่องกงไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :