ไม่พบผลการค้นหา
นายกฯ พอใจเยือนอังกฤษประสบความสำเร็จ ได้รับการต้อนรับอบอุ่นทั้งจากผู้นำประเทศและคนไทยในอังกฤษ ไม่โกรธคนต่อต้าน แนะรับข้อมูลโซเชียลด้วยความรอบคอบ แจงกรณีผ้าพันคอหรู-ภรรยาไม่ได้ร่วมทริป

สำนักข่าวไทยรายงานภารกิจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. และคณะ เดินทางเยือนสหราชอาณาจักรและสาธารณรัฐฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 19-26 มิ.ย. ว่า เมื่อเวลา 16.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของสหราชอาณาจักร ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง นายกรัฐมนตรีพบกับคนไทยและนักศึกษาไทยที่อาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักรจำนวน 267 คน โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเดินทางมาสหราชอาณาจักรเป็นประเทศแรกในยุโรปที่มาเยือนในรอบ 4 ปี ซึ่งตนเข้าใจบริบทและข้อจำกัดการเมืองของแต่ละประเทศ


"การมาครั้งนี้ตั้งใจจะทำประโยชน์ให้กับประเทศไทย จึงขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ แม้จะมีคนบางกลุ่มไม่เห็นด้วย แต่ผมเข้าใจและไม่โกรธเคือง จึงอยากฝากบอกไปยังกลุ่มคนเหล่านั้นด้วยว่าผมทำเพื่อคนไทย ที่สำคัญคนไทยอย่าสร้างปัญหาทะเลาะเบาะเเว้งกันให้ส่งผลเสียมาถึงประเทศไทย" นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี

นายกรัฐมนตรี เล่าถึงการพบกับนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ว่า บรรยากาศเป็นไปได้ด้วยดี มีความเป็นมิตรไมตรีต่อกัน ซึ่งถือเป็นสัญญาณบวกต่อความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ขณะเดียวกันได้ชี้แจงถึงการเดินหน้ายุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการวางอนาคตประเทศอย่างเป็นระบบ ส่วนการเลือกตั้งยังคงเป็นไปตามโรดเเมปต้นปีหน้า

"ช่วงเวลาระหว่างนี้ผมจะดูแลและจัดการไม่ให้ประเทศไทยประสบกับปัญหาความขัดแย้งเหมือนในอดีต สำหรับการปลดล็อคผ่อนปรนให้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองจะแบ่งเป็นห้วงเวลาตามความเหมาะสม อย่างช่วงที่หนึ่งอาจจะเปิดโอกาสให้สามารถประชุมพรรคดำเนินกิจกรรมการเมือง ไม่ให้เป็นปัญหาติดล็อคเงื่อนเวลาของกฎหมาย แต่จะไม่ปล่อยให้มีการชุมนุมประท้วงบนถนนอีกเด็ดขาด ขณะที่การเลือกตั้งท้องถิ่นจะเกิดขึ้น 3 เดือน ก่อนที่จะเลือกตั้งใหญ่” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ไม่ได้มาเพราะตัวเอง แต่นำเกียรติยศชื่อเสียงของประเทศไทยมาด้วย มาแสดงให้คนอังกฤษเห็นว่าตลอดความสัมพันธ์ 400 ปี เปลี่ยนแปลงกันไม่ได้ เพื่อนยังคงเป็นเพื่อน สิ่งดีๆ คงต้องรักษาไว้

"ใครที่กล่าวหาว่าผมใช้อำนาจ ผมไม่เคยใช้เพื่อดูแลปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองหรือขู่บังคับใคร สิ่งที่ทำเพื่อประเทศชาติทั้งนั้น ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็น และแม้ว่าผมจะไม่ใช้อำนาจเหล่านั้น แต่ก็จะสู้เพราะรู้ว่าทำความดี อยากให้ทุกคนระมัดระวังการรับข้อมูลจากโซเชียลมีเดียที่กล่าวร้ายกันไปมา ซึ่งผมก็โดนเล่นงานเช่นกัน ช่วงแรกระหว่างที่ดำรงตำแหน่งเป็นทหารรู้สึกโกรธ แต่เมื่อมาเป็นนายกรัฐมนตรีจึงทำใจได้ ไม่โกรธ แม้ผมจะไม่เคยทำสิ่งที่ไม่ดีตามที่กล่าวหา" นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีการเสนอภาพนายกรัฐมนตรีพันผ้าพันคอ ขณะที่ผู้ร่วมคณะอื่นแต่งกายเพียงเสื้อเชิ๊ต ว่า รู้สึกไม่สบาย มีอาการหนาว ๆ ร้อน ๆ จึงใส่ผ้าพันคอโดยไม่ได้ดูยี่ห้อว่าหรูหราอะไร แต่ถูกกล่าวหาว่าแต่งตัวหล่อเกินไป

"ก็ผมหนาวของผม ถ้าผมไม่ใส่ผ้าพันคอ วันนี้ผมก็ไม่สามารถมาพูดคุยกับคนที่นี่ได้ เพราะไม่สบาย ถ้าเกิดมีปัญหาคราวหน้าผมจะไม่ใส่ผ้าพันคอ แต่จะเอาผ้าขาวม้ามาใส่แทนผ้าพันคอ ลองคิดดูว่าน่าเสียใจไหม ทำงานมาแทบตาย แทนที่จะดูผลงานการเดินทางมาสหราชอาณาจักร แต่กลับมาดูแต่ผ้าพันคอและเสื้อผ้า การที่ภรรยาผมไม่ได้เดินทางมาด้วยเพราะติดธุระต้องไปพบแพทย์ แม้จะตั้งใจอยากมา เก็บของเสร็จแล้วก็ตาม และไม่ใช่จะไม่เพราะเป็นข่าวเรื่องมาฉลองวันเกิดอย่างนำเสนอข่าวกัน" นายกรัฐมนตรีกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงท้ายของการพบปะกับคนไทยในสหราชอาณาจักร ได้เปิดโอกาสให้ซักถามและมอบของขวัญดอกไม้ให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวทักทายและถ่ายรูปเป็นที่ระลึกร่วมกับคนไทยในสหราชอาณาจักรท่ามกลางบรรยากาศเป็นกันเอง

จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้บันทึกเทปรายการศาสตร์พระราชา โดยกล่าวสรุปผลการเดินทางเยือนสหราชอาณาจักร ว่า ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ได้รับการต้อนรับอย่างสมเกียรติทั้งจากนางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร และLord Fowler ประธานสภาขุนนาง สหราชอาณาจักรที่สภาขุนนาง โดยหารือถึงความร่วมมือด้านต่าง ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อความร่วมมือทั้ง 2 ประเทศ ทั้งด้านการรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ การเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจและการลงทุนภายใต้กรอบGlobal Britain การเปิดการค้าเสรีกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของไทย

"เชื่อว่าการเยือนในครั้งนี้จะเป็นผลดี ทำให้การค้าการลงทุนระหว่างกันเพิ่มขึ้นจากอดีต และสร้างการพัฒนาให้กับประเทศไทย ให้เกิดความยั่งยืนตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้" นายกรัฐมนตรี ระบุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ไลน์ไทยคู่ฟ้า ระบุถึงประโยชน์ของการเดินทางเยือนต่างประเทศของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ด้วย

กราฟฟิกนายกเยือนอังกฤษฝรั่งเศส

ข่าวเกี่ยวข้อง :