วันนี้ (21 มิ.ย.) เวลา 10.35 น. (เวลาท้องถิ่น ณ กรุงลอนดอน) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานกล่าวเปิดงานสัมมนา Thailand Business Forum ในหัวข้อ ”Transforming Thailand” ณ โรงแรม Landmark กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร
โดย พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับมิตรภาพระหว่างไทย และสหราชอาณาจักร ซึ่งมีมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ในด้านการค้าระหว่างประเทศ สหราชอาณาจักรเป็นคู่ค้าอันดับที่ 18 ของไทย และเป็นคู่ค้า หลักอันดับที่ 2 จากยุโรป โดยปีที่ผ่านมามีมูลค่าการค้าระหว่างกันรวม 5,240 ล้านปอนด์ หรือ 225,833 ล้านบาท สหราชอาณาจักรเป็นตลาดส่งออกลำดับที่ 18 ของไทย และไทยนำเข้าสินค้าจากสหราชอาณาเป็นลำดับที่ 21 ของการนำเข้าทั้งหมด
ด้านการลงทุน หลายบริษัทที่เป็นแบรนด์ดังของสหราชอาณาจักรไปลงทุนตั้งฐานการผลิตสำคัญในประเทศไทย ใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออก โดยใน 10 ปีที่ผ่าน มีการลงทุนจากสหราชอาณาจักรที่ได้รับอนุมัติให้รับการส่งเสริมการลงทุน 216 โครงการ มูลค่ารวม 735 ล้านปอนด์ หรือ 31,650 ล้านบาท ล่าสุดในปี 2017 สหราชอาณาจักรลงทุนในไทยเป็นอันดับ 3 ของการลงทุนจากยุโรป
ด้านการท่องเที่ยว ปีที่ผ่านมา มีคนไทยเดินทางมาเที่ยวสหราชอาณาจักรจำนวน 171,000 คน ขณะที่มีนักท่องเที่ยวจากสหราชอาณาจักรเดินทางไปยังประเทศไทยจำนวนถึง 1,003,000 คน ทั้งนี้คาดว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
นายกรัฐมนตรี ยังชักชวนให้มีการลงทุนในประเทศไทย โดยอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยปรับตัวดีขึ้นมาโดยตลอด ในไตรมาสแรกของปี 2018 ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 4.8 ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 5 ปี โดยรัฐบาลยืนยันที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ควบคู่ไปกับการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ได้มีการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานครั้งสำคัญที่สุดปรับปรุงเส้นทางคมนาคม และการขนส่ง รถไฟความเร็วสูง ทางด่วน และระบบขนส่งสาธารณะแบบราง รวมไปถึงโครงสร้างพื้นฐานอื่นที่มีความจำเป็นต่อการรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และเสริมสร้างประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ ตลอดจน รัฐบาลได้ดำเนินโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
นายกรัฐมนตรี ใช้โอกาสนี้เชิญชวนให้นักธุรกิจเชื่อมั่น และพิจารณาประเทศไทยเป็นฐานการลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย
ส่วนเรื่องการเมืองการเลือกตั้งจะมีขึ้นในต้นปีหน้า ซึ่งเป็นไปตามโรดแมป และเรื่องสิทธิเสรีภาพ ขออย่ารับข้อมูลจากโซเชียลมีเดียเพียงอย่างเดียว แต่ให้สอบถามและรับข้อมูลที่น่าเชื่อถือจากเอกอัครราชทูต การเดินหน้าสู่ประชาธิปไตยที่ยั่งยืน ขอให้มั่นใจว่าจะเป็นการวางรากฐานสำคัญในการลงทุนสร้างความเข็มแข็งให้ภาคธุรกิจด้วย
ทั้งนี้ ในช่วงก่อนการเป็นประธานงานสัมมนาดังกล่าว นายกรัฐมนตรีได้ร่วมงานเลี้ยงรับรอง เพื่อเป็นโอกาสในการพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการระหว่างนายกรัฐมนตรี กับผู้นำการเมือง และนักธุรกิจ ชั้นนำสหราชอาณาจักร
เยี่ยมชม บริษัทผลิตบุคลากรให้อีอีซี
จากนั้นนายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมและดูงานด้านอาชีวศึกษาที่ บริษัท เพียร์สัน ซึ่งเป็นบริษุทธุรกิจด้านการศึกษาชั้นนำของโลก ในกรุงลอนดอน โดยบริษัทเพียร์สัน มีนโยบายแน่ชัดที่จะขยายธุรกิจในประเทศไทย ขณะเดียวกันบริษัทเพียร์สันยังบรรยายถึงโมเดลการทำงานของบริษัท ที่จะนำไปปฏิบัติในไทยเพื่อผลิตบุคลากรให้แก่ EEC ด้วย
โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงความมุ่งหวังในการทำงานร่วมกันเพื่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ ซึ่งจะต้องเป็นการเรียนรู้ที่มีความพร้อมสู่การทำงาน มีวิชาชีพที่ยั่งยืนสามารถเลี้ยงดูตนเองได้ และเพียงพอต่อความต้องการ โดยเฉพาะระดับอาชีวะศึกษา ทั้งการถ่ายทอดเทคโนโลยี และการฝึกงานในสถานที่จริง มุ่งให้คนพื้นที่นำความรู้กลับไปพัฒนาท้องถิ่น ลดการกระจุกตัวในเมืองใหญ่
และช่วงท้ายนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการพัฒนาที่จะต้องดำเนินการควบคู่กันไปทั้งโครงการพื้นฐานและทรัพยากรบุคคล หากโครงสร้างพื้นฐานดีแต่บุคลากรไม่ดีจะสูญเปล่า ต้องมีการเชื่อมโยงที่ไร้รอยต่อ และสร้างหลักคิดให้คนไทย ที่มิใช่ด้านวิชาการเพียงอย่างเดียว