เมื่อวันที่ 18 พ.ย. นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประยุทธ์ 5 ที่มีการปรับเปลี่ยนรายชื่อล่าสุดว่า ข้อจำกัดของรัฐบาลชุดนี้คือการเอาบุคคลจากข้าราชประจำเก่าๆ บุคคลที่มีคอนเน็กชั่นจากรุ่น จากโครงการฝึกอบรมรุ่นนั้นรุ่นนี้เป็นหลัก โดยปฏิเสธบุคคลจากซีกการเมืองหรือที่มีคอนเน็กชั่นกับการเมือง การเมืองแบบนี้คือการเมืองที่มีแนวคิดแบบระบบราชการทุกคนต้องอยู่ในแถว นอกแถวหรือคิดอย่างอื่นไม่ได้ ที่ผ่านมาเราจึงเห็นมีรัฐมนตรีที่โลกลืม จึงไม่คิดหวังอะไรจากการปรับ ครม.ครั้งนี้เลยแม้แต่น้อย เห็นว่าจะไม่เกิดประโยชน์อะไร จะไม่ทำให้สถานการณ์อะไรดีขึ้น

นายชูศักดิ์ กล่าวถึงหลักเกณฑ์การคำนวณ ส.ส.ของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ว่า เรื่องการคิดคำนวณจำนวน ส.ส.ของ กรธ.กกต. เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันมาแต่เริ่มร่างรัฐธรรมนูญแล้วว่าระบบจัดสรรปันส่วนผสมมีวัตถุประสงค์ที่จะทำให้จำนวน ส.ส.ของพรรคการเมืองใหญ่ลดลง จะได้สัดส่วนปาร์ตี้ลิสต์น้อยลง ไม่แปลกใจในการคิดคำนวณที่ปรากฏ ระบบนี้ถูกคิดขึ้นมาโดยมีเป้าหมายทางการเมืองและนำสูตรอย่างอื่นบวกเข้ามาอีก เช่น นายกฯ ไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส. ให้ ส.ว.แต่งตั้งร่วมเลือกนายก จึงคิดว่าสร้างกฎหมายขึ้นมาเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการรัฐประหารและต้องการสืบทอดกันอีกต่อไป แต่ก็ไม่ได้คิดว่าแผนการดังกล่าวจะสำเร็จได้ง่ายๆ เหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบ

ชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย

เมื่อถามว่าการคำนวณจำนวนส.ส.แบบนี้จะกระทบกับพรรคเพื่อไทยมากหรือน้อยกว่าเดิมการคำนวณแบบเดิม นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เราคาดการณ์กันมาแล้วว่ากระทบกับพรรคเรา แต่ก็มิได้หมายความว่าเราจะยอมจำนนต่อสภาพดังกล่าว ส่วนจะได้เสียงถึง 250 ที่นั่งหรือไม่ เราอาจจะทะลุไปถึง 250 ที่นั่งก็ได้ แต่เราคงไม่บอกว่าทำอย่างไร