ไม่พบผลการค้นหา
เปิดข้อสังสัย จับอาวุธสงคราม บางน้ำเปรี้ยว โยงคดีการเมือง ปี57 แต่ออกหมายจับ 5 คนไร้ชื่อ โกตี๋ -วัฒนา ทรัพย์วิเชียร ขณะที่ ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยืนยันไม่ใช่การจัดฉากแต่มีหลักฐานเชื่อมโยง

ดูจะมาได้จังหวะ เดียวกันกับเสียงเรียกร้องของพรรคการเมืองให้ รัฐบาลคสช.เร่งปลดล็อกการเมืองเพื่อให้มีเวลาเตรียมการเลือกตั้ง โดยเฉพาะเมื่อ พ.ร.บ. พรรคการเมืองมีผลบังคับใช้ไปเมื่อ 8 ต.ค. 60

คดีพบอาวุธสงครามที่บางน้ำเปรี้ยว ..ที่ลากเอาตัวละครหน้าเก่าๆ ที่โผล่มาทุกครั้งที่สถานการณ์การเมืองต้องการความไม่สงบ

อาวุสงรามบางน้ำเปรียว.jpg


อาวุธสงครามบางน้ำเปรียว.jpg

โดยเฉพาะของกลางที่พบทั้ง ระเบิดสังหารอาร์จีดี-5 ไปป์บอม แท่งดิน ระเบิดทีเอ็นจี ลูกระเบิดยิงขนาด 40 มม. กระสุนปืนกว่า 2,000 นัด ต่างมี ลขนัมเบอร์ที่ตรงกับคดีระเบิดในปี 2557 ในหลายเหตุการณ์

ชื่อของ นาย วุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ"โกตี๋" แกนนำคนเสื้อแดง ถูกอ้างถึงอีกครั้ง!!!แม้ในช่วงหลังจะมีกระแสข่าวว่า “โกตี๋” เสียชีวิตไปแล้วก็ตาม แต่พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. ก็ยืนยันถึงความเชื่อมโยงกับคดีพบอาวุธสงคราม และเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในปี 2557 และปี 2560 รวม 18 คดี

ไม่ว่าจะเป็น เหตุระเบิด M79 ที่คนร้ายยิงใส่สำนักงานป.ป.ช. สนามบินน้ำเมื่อปี 2557 และคดีตรวจค้นอาวุธสงครามในบริษัท ไทยแม็กซ์กรุ๊ป

ไม่เพียงเท่านั้น!! ตัวละครเก่าอย่างนายวัฒนา ทรัพย์วิเชียร หรือ ศิวะ ทรัพย์วิเชียร ชาวอยุธยา ที่เคยถูกและจับคุกในปี 2557 ข้อหาร่วมกันมีอาวุธและเครื่องกระสุน วัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะสงครามที่นายทะเบียนไม่ออกใบอนุญาตครอบครองได้ ก็ถูกอ้างถึงอีกครั้ง

ในครั้งนั้น นายวัฒนาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาทำให้ถูกจับคุก 2 ปี และพ้นโทษ เมื่อคดีสิ้นสุด จึงถูกจับยกมาเชื่อมโยงในครั้งนี้อีกครั้ง

แต่ในครั้่งนี้ นายวัฒนา ชิงเข้ามอบตัวใน วันที่ 1 พ.ย. 60 กับเจ้าหน้าที่ทหาร ในพื้นที่รับผิดชอบของกองร้อยรักษาความสงบ ศูนย์ป้องกันภัยทางอากาศ ทบ.1 (ศปภอ.ทบ.1) ในพื้นที่เขตวังน้อย-ปทุมธานี จากนั้นเจ้าหน้าที่ทหาร นำตัวมาควบคุมไว้ในมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) ตามมาตรา 44 ฐานความผิดมีอาวุธสงครามในครอบครอง

จังหวะที่เหมือนจะเป็นเรื่องบังเอิญ ที่พอเหมาะพอเจาะกับสถานการณ์การเมืองพอดี !! เมื่อทั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ออกมากล่าวทำนองว่า ในทางการข่าวได้พบความเคลื่อนไหวที่จะก่อเหตุตลอดเวลา โดยเฉพาะการจับกุมอาวุธสงครามในเครือข่าย "โกตี๋"

และย้ำว่าหากสถานการณ์ยังไม่สงบ จะมีผลต่อการพิจารณา"ปลดล็อก"พรรคการเมือง หรือการยกเลิกคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ไล่เลียงจังหวะ เวลา และน้ำหนักหลักฐานที่ดูจะลงตัวแบบไม่ปกติ ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า การจับอาวุธบางน้ำเปรี้ยวเป็นการ จัดฉาก กลบทางปลดล็อกการเมืองหรือไม่

ถึง พล.อ.ประวิตร จะยืนยันว่า ยังไม่เห็นมีความพร้อมอะไรเลยในการปลดล็อก ส่วนจะเกี่ยวข้องกับการตรวจพบอาวุธสงคราม ที่ จ.ฉะเชิงเทราหรือไม่นั้น ไม่รู้ ให้พิจารณาเอาเอง

ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลจัดฉาก พล.อ.ประวิตร  บอกว่า ใครจัดฉาก เจ้าหน้าที่จะจัดฉากไปทำไม ยืนยันว่าไม่มีจัดฉากเจ้าหน้าที่ทำทุกอย่างตรงไปตรงมา มีแต่ผู้สื่อข่าวที่บอกว่าจัดฉาก

กระนั้นก็ตาม ผู้คนยังไม่สิ้นสงสัย ยิ่งเมื่อ ศาลไฟเขียวหมายจับ 5 ผู้ต้องหา ประกอบไปด้วย 1. นายชัยวัฒน์ หรือเปี๊ยก ผลโพธิ์ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 525/8 ซ.เพิ่มสิน 13 แขวงคลองถนน เขตสายไหม 2.นายสมเจตน์ หรือ สน คงวัฒนะ อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99 ซ.วิภาวดี 34 แขวงและเขตจตุจักร 3.นายจักรรินทร์ หรือ เสธ.ไก่ เรืองศักดิ์วิชิต อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 132 ซ.พหลโยธิน 32 แขวง จันทรเกษม เขตจตุจักร

4.พล.ท.มนัส หรือเสธ.หยอย เปาริก อายุ 68 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18/60 ซ.อารีย์ ถ.พหลโยธิน แขวงพญาไท เขตจตุจักร และ 5.นายจักรภพ เพ็ญแข อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 555 แขวงและเขตสายไหม (อยู่ระหว่างการหลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ) ในฐานความผิดร่วมกันมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะในการสงครามที่นายทะเบียนไม่สามารถออกให้ได้ไว้ในครอบครอง และความผิดฐานอั้งยี่ ซ่องโจร

แต่ทั้ง 5 คน !!ไม่พบว่ามี ชื่อ นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ และ นายวัฒนา ที่ถูกอ้างถึงแต่แรก โดยเฉพาะ นายวัฒนา ถูกปล่อยตัวหลังอุ้มเข้าค่ายสอบ 7 วัน โดยไม่ตั้งข้อกล่าวหา 

ขณะที่ พล.ท.มนัส หนึ่งในผู้ถูกออกหมายจับ ได้เข้ามอบตัวและยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีอาวุธสงครามดังกล่าวแต่อย่างใด และเจ้าหน้าที่ได้ให้ประกันตัวออกไปแล้วเช่นกัน

คดีจับอาวุธบางน้ำเปรี้ยว จึงดูจะเป็น เหตการณ์เก่าๆ ที่มาในจังหวะเวลาใหม่ เพื่อยืดเวลา ลดความร้อนแรงทางการเมืองลงหรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าคิด !!!หากเจ้าหน้าที่ยังไม่ยืนยันหลักฐานที่น่าเชื่อถือได้จนคลายสงสัย