ไม่พบผลการค้นหา
อนุพงษ์ เผ่าจินดา ขอโทษคนไทยหลังเจ้าหน้าที่ใช้คำไม่เหมาะสม พร้อมชี้แจงงบประมาณกระทรวงมหาดไทย 3.1 หมื่นล้านบาท ถูกแบ่งออกตามวัตถุประสงในการใช้จ่าย

พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีการปรากฏถ้อยคำว่า “ทำอย่างไรให้ประชาชนหายโง่” ในหนังสือทางราชการของจังหวัดขอนแก่น ที่ลงนามโดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ว่า ในฐานะที่ตนอยู่กระทรวงมหาดไทย ก็ต้องขอโทษไปยังประชาชนเพราะเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะเป็นการทำเอกสารทางราชการที่ใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสม ซึ่งจะเห็นว่าที่ผ่านมาเกิดความผิดพลาดบ่อยครั้ง จึงได้กำชับให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยดูแลหน่วยงานต่างๆ ให้ความสำคัญกับการทำเอกสารสำคัญไม่ว่าจะเป็นการทำเอกสารขึ้นใหม่หรือการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารเดิม ซึ่งอาจจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ โดยได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าวแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอผลการสอบสวน อย่างไรก็ตามการดำเนินการในลักษณะเช่นนี้เป็นหน้าที่ของข้าราชการประจำ ซึ่งตนเองอยู่ในฝ่ายนโยบาย

ส่วนเรื่องงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ 2561 (งบฯกลางปี) ที่คณะรัฐมนตรีเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาในวันที่ 22 มี.ค.นี้ ทางกระทรวงมหาดไทยได้งบประมาณสูงถึง 3.1 หมื่นล้านบาท ว่างบประมาณดังกล่าวถูกแบ่งออกตามวัตถุประสงค์ในการใช้จ่ายเป็นส่วนต่างๆ ได้แก่ 2 หมื่นล้านบาทเป็นงบประมาณในการใช้จ่ายของหมู่บ้านและชุมชน 82,000 กว่าแห่งทั่วประเทศ ตกชุมชนละ 2 แสนบาท เป็นงบที่กรรมการหมู่บ้านเบิกจ่ายตรงไม่ผ่านกระทรวงมหาดไทยตรง แต่ผ่านการตรวจสอบของนายอำเภอ และผู้ว่าราชการ และมีภาคประชาสังคม ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษาในพื้นที่ไปร่วมดูโครงการ 2,500 ล้านบาท

ส่วนเรื่องงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ 2561 (งบฯกลางปี) ที่คณะรัฐมนตรีเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาในวันที่ 22 มี.ค.นี้ ทางกระทรวงมหาดไทยได้งบประมาณสูงถึง 3.1 หมื่นล้านบาท ว่างบประมาณดังกล่าวถูกแบ่งออกตามวัตถุประสงค์ในการใช้จ่ายเป็นส่วนต่างๆ ได้แก่ 2 หมื่นล้านบาทเป็นงบประมาณในการใช้จ่ายของหมู่บ้านและชุมชน 82,000 กว่าแห่งทั่วประเทศ ตกชุมชนละ 2 แสนบาท เป็นงบที่กรรมการหมู่บ้านเบิกจ่ายตรงไม่ผ่านกระทรวงมหาดไทยตรง แต่ผ่านการตรวจสอบของนายอำเภอ และผู้ว่าราชการ และมีภาคประชาสังคม ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษาในพื้นที่ไปร่วมดูโครงการ 2,500 ล้านบาท และอีกส่วนที่ถือเป็นงบประมาณของกระทรวงมหาดไทยโดยตรงคือ 9,000 ล้านบาทใช้สำหรับพัฒนาและส่งเสริมการผลิตสินค้า OTOP โดยร่วมกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวนั้นๆ ไปพร้อมกันด้วย

ส่วนงบประมาณ 2 หมื่นล้านบาทจะซ้ำซ้อนกับงบประมาณโครงการไทยนิยมยั่งยืนหรือไม่นั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า งบประมาณดังกล่าวใช้สำหรับความต้องการในพื้นที่เพื่อตอบสนองการทำมาหากินของประชาชนให้มีรายได้เพิ่มขึ้น แต่งบประมาณไทยนิยมยั่งยืนเป็นการอำนวยความสะดวกประชาชน ไม่กังวลเรื่องคำวิจารณ์ว่าเป็นการปูทางสำหรับการเลือกตั้ง เพราะที่ผ่านมาเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศดี แต่ยังขาดการพัฒนาที่ฐานราก รัฐบาลก็ต้องพัฒนาไปตามความจำเป็น ใครจะวิจารณ์ก็ต้องห้ามไม่ได้

ด้านความคืบหน้าล่าสุดของโครงการไทยนิยมยั่งยืนว่า ขณะนี้ได้มีการสำรวจความต้องการจากประชาชนเสร็จสิ้นไปแล้วในรอบแรก รวมทั้งหมดกว่า 80,000 หมู่บ้าน ซึ่งจะมีการนำสิ่งที่ได้พูดคุยมาประมวลผล เพื่อจัดทำเป็นฐานข้อมูล โดยสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ สปก.จะมีหน้าที่รับผิดชอบในส่วนของการแปรความต้องการของประชาชนเป็นโครงการที่ปฏิบัติได้จริง ซึ่งคาดว่าข้อมูลต่างๆจะชัดเจนในเดือนเมษายนนี้ และระหว่างการลงพื้นที่ก็ได้มีการสร้างความเข้าใจกับประชาชนในด้านต่างๆด้วย อาทิ เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง และจะมีการรายงานความคืบหน้าให้นายกรัฐมนตรีรับทราบเป็นระยะ แต่คาดว่าจะยังไม่มีความชัดเจนในช่วงหนึ่งเดือนนี้ (มี.ค) ส่วนในวัน 22 มี.ค.