ไม่พบผลการค้นหา
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่กังวลผลสำรวจคะแนนเสียงในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งได้ ส.ส.เพียง 19 เขต จากทั้งหมด 30 เขต ยอมรับบางเขตเป็นรองอยู่มาก

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นำนายสามารถ มะลุลีม ผู้สมัคร ส.ส. เขตสวนหลวง –ประเวศ ลงพื้นที่หาเสียงภายในสวนหลวง ร.9 จากนั้นได้เดินทางมายังตลาดเอี่ยมสมบัติ เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค. นี้ โดยตลาดการลงพื้นที่นายอภิสิทธิ์ได้เดินทักทายประชาชน และ พ่อค้าแม่ค้า สอบถามปัญหาที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันก็มีประชาชนมายืนรอให้กำลังใจ พร้อมกับนำดอกไม้มามอบให้เป็นขวัญกำลังใจ

นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยเกี่ยวกับกรณีมีผลโพลสำรวจคะแนนเสียงของประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครแล้วพบว่า พรรคประชาธิปัตย์อาจได้ ส.ส.เพียง 19 เขต จากทั้งหมด 30 เขต ว่า เป็นเรื่องปกติของการสำรวจ ซึ่งที่ผ่านมามีหลายสำนักได้ทำโพลขึ้น ซึ่งผลก็ออกมาแตกต่างกันไป โดยพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังคงเดินทางหาเสียงอยู่ตลอด แต่ยอมรับว่า มีบางเขตอาจจะต้องหาเสียงหนักขึ้น เนื่องจากการเลือกตั้งที่ผ่านมามีคะแนนเป็นรองอยู่มาก อีกทั้งพรรคประชาธิปัตย์มีคนรุ่นใหม่เข้าร่วมลงสมัคร ส.ส. หลายพื้นที่ แต่ก็สามารถทำงานร่วมกับคนทุกรุ่นได้ และ มั่นใจว่า จะช่วยแก้ปัญหาของประชาชนได้

ส่วนกรณีวันพรุ่งนี้ (25 ก.พ.) ทางคณะกรรมการการเลือกตั้งจะพิจารณาคุณสมบัติของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐ ว่า จะสามารถเข้าร่วมดีเบตกับพรรคการเมืองอื่นได้หรือไม่ นั้น ส่วนตัวมองว่า ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะเข้าร่วมดีเบตกับพรรคการเมืองอื่นไม่ได้ และ ถ้าเข้าร่วมดีเบตไม่ได้ แต่ทำไมถึงมีรูปภาพ พล.อ.ประยุทธ์ บนป้ายหาเสียงของพรรคพลังประชารัฐได้ แต่ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของทาง กกต. จะเห็นควรอย่างไร เพื่อให้ทุกอย่างเกิดความชัดเจนมากขึ้น แต่หากเสนอตัวเองลงเลือกตั้งแล้วก็ควรเข้าสู่กระบวนการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นตามหลักของประชาธิปไตย ถึงแม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะอ้างถึงความเหมาะสมทางตำแหน่งราชการ แต่ก็เป็นตำแหน่งราชการทางการเมือง ฉะนั้นควรแข่งขันกันอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน

ขณะที่กรณีมีการแผยแพร่ภาพเฟซบุ๊กของ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โพสต์นโยบายเกี่ยวกับการดูแลเกษตร ซึ่งมีลักษณะคล้ายโครงการรับจำนำข้าวของพรรคเพื่อไทย นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จากการอ่านนโยบายดังกล่าวแล้ว มองว่า รูปแบบของโครงการมีลักษณะเดียวกันกับโครงการรับจำนำข้าวของพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะการรับประกันราคาข้าวที่สูงกว่าท้องตลาด และ ถ้าราคาข้าวไม่เพิ่มขึ้น ต้องบริหารจัดการระบายข้าวออก ไม่ต่างอะไรกันกับนโยบายจำนำข้าวของพรรคเพื่อไทย ทำให้ตัวเองแปลกใจมากกับนโยบายดังกล่าวของพรรคพลังประชารัฐ เพราะเหมือนกับลอกเลียนแบบนโยบายของพรรคเพื่อไทยมาใช้