เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (17 ก.ค.) รัสเซียถอนตัวออกจากข้อตกลงธัญพืชทะเลดำ โดยเซเลนสกีกล่าวว่าการส่งออกธัญพืชจากท่าเรือของยูเครนควรดำเนินต่อไป แม้ข้อตกลงธัญพืชทะเลดำจะมีหรือไม่มีรัสเซีย โดยเซเลนสกีย้ำว่า ควรมีมาตรการป้องกันจาก “ความบ้าคลั่งของรัสเซีย”
ทั้งนี้ เซเลนสกีกล่าวว่าการถอนตัวออกจากข้อตกลงโดยรัสเซีย จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกธัญพืชของยูเครน ที่สร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับประชากร 400 ล้านคน และรัสเซียไม่ได้รับอนุญาตให้เก็บค่าไถ่ตามอำเภอใจได้
“ถ้าคนกลุ่มหนึ่งในเครมลินคิดว่า พวกเขามีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจว่าอาหารจะขึ้นโต๊ะในประเทศต่างๆ หรือไม่ จะเป็นอียิปต์หรือซูดาน เยเมนหรือบังกลาเทศ จีนหรืออินเดีย ตุรเคียหรืออินโดนีเซีย… ถ้าอย่างนั้นโลกก็มี โอกาสที่จะแสดงให้เห็นว่า การขู่กรรโชกนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้ใครก็ตามกระทำได้” เซเลนสกีกล่าว
“ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะมีเสถียรภาพ… แอฟริกามีสิทธิ์ที่จะมีเสถียรภาพ เอเชียมีสิทธิที่จะมีเสถียรภาพ ยุโรปมีสิทธิทุกอย่างที่จะมีเสถียรภาพ ดังนั้น เราทุกคนต้องใส่ใจเรื่องความปลอดภัย เกี่ยวกับการป้องกันจากความบ้าคลั่งในรัสเซีย” เซเลนสกีกล่าว “โครงการความริเริ่มด้านธัญพืชทะเลดำสามารถและควรดำเนินต่อไปได้ หากไม่มีรัสเซีย หรือไม่มีรัสเซีย”
ทั้งนี้ เซเลนสกีระบุว่า ยูเครน พร้อมด้วยสหประชาชาติและตุรเคีย ซึ่งเป็นตัวกลางในการเจรจาข้อตกลงธัญพืชทะเลดำฉบับเดิมกับรัสเซีย สามารถร่วมกันดำเนินการ “ปฏิบัติการระเบียงทางอาหารและการตรวจสอบเรือขนส่ง” แม้จะไม่มีรัสเซียอยู่ในข้อตกลงแล้วก็ตาม “สิ่งเดียวที่จำเป็นในตอนนี้ คือการดำเนินการอย่างระมัดระวัง และแรงกดดันที่เด็ดขาดจากโลกต่อรัฐผู้ก่อการร้าย” ประธานาธิบดียูเครนกล่าวเสริม
เกิดการประณามและวิจารณ์อย่างกว้างขวางต่อการตัดสินใจของรัสเซียเมื่อวันจันทร์ ที่จะยุติการเข้าร่วมข้อตกลงธัญพืชทะเลดำ ซึ่งอนุญาตให้ยูเครนสามารถส่งออกธัญพืชจากท่าเรือทะเลดำของยูเครนได้ โดยข้อตกลงดังกล่าวช่วยรับประกันเสถียรภาพด้านราคาของสินค้าโภคภัณฑ์ที่สำคัญของโลก อาทิ ข้าวสาลี
ข้อตกลงธัญพืชทะเลดำมีอายุครบ 1 ปี โดยผลของข้อตกลงสิ้นสุดอย่างเป็นทางการเมื่อเวลา 21.00 น.ของวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น ทั้งนี้ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติกล่าวว่า ข้อตกลงนี้เป็น “เส้นชีวิตสำหรับความมั่นคงด้านอาหารของโลก และเป็นสัญญาณแห่งความหวังในโลกที่มีปัญหา” พร้อมกันกับการย้ำว่า เขารู้สึก “ผิดหวังอย่างยิ่ง” ที่หนังสือซึ่งเขาส่งถึง วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พร้อมข้อเสนอที่จะรักษาข้อตกลงนี้กลับไม่ได้รับการพิจารณาจากรัสเซีย
“ในท้ายที่สุดแล้ว การเข้าร่วมในข้อตกลงเหล่านี้เป็นทางเลือก” กูเตอร์เรสกล่าว “แต่ผู้คนที่ดิ้นรนทุกหนทุกแห่งและประเทศกำลังพัฒนานั้นไม่มีทางเลือก ผู้คนหลายร้อยล้านคนต้องเผชิญกับความหิวโหย และผู้บริโภคกำลังเผชิญกับวิกฤตค่าครองชีพทั่วโลก”
ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกประธานาธิบดีรัสเซีย กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า รัสเซียกำลังระงับการเข้าร่วมข้อตกลง และจะกลับมาเมื่อเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับผลผลิตของรัสเซียตรงตามเงื่อนไข ทั้งนี้ รัสเซียย้ำว่าพวกเขาต้องการให้มีการยกเลิกอุปสรรคในการส่งออกอาหารและปุ๋ยของรัสเซีย เพื่อแลกกับความร่วมมือเพิ่มเติมในข้อตกลงธัญพืชทะเลดำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รัสเซียกำลังหาทางผ่อนปรนจากการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก ในประเด็นการชำระเงิน การขนส่ง และการประกันการขนส่ง
อย่างไรก็ดี สหรัฐฯ และประเทศในยุโรปกลับเพิกเฉยต่อข้อร้องเรียนของรัสเซีย พร้อมระบุว่าข้อเรียกร้องดังกล่าวจากรัสเซียนั้นไร้ประโยชน์ โดยระบุว่าการคว่ำบาตรของพวกเขาไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ธัญพืชและปุ๋ยของรัสเซีย ทั้งนี้ จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว กล่าวว่า สหรัฐฯ จะยังคงทำงานร่วมกับประเทศอื่นๆ ต่อไปเพื่อให้แน่ใจว่าการขนส่งธัญพืชออกจากยูเครนยังสามารถทำต่อไปได้ พร้อมกันนี้ สหรัฐฯ ไม่ได้พิจารณาที่จะใช้ทรัพย์สินทางทหารเพื่อช่วยปกป้องการขนส่งธัญพืช
ที่มา: