เครือข่ายชาวบ้านลุ่มน้ำชีตอนล่าง จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดยโสธร ได้ร่วมกันจัดกิจกรรม “บวชแม่น้ำชี ครั้งที่ 2” พร้อมอ่านคำประกาศ จี้รัฐ 13 ปีไม่ควรแตะถ่วงกระบวนการแก้ไขปัญหาเขื่อนในแม่น้ำชี โดยมีตัวแทนชาวบ้านเข้าร่วมกว่า 100 คน ณ วัดบ้านอีโก่ม ตำบลเทอดไทย อำเภอทุ่งเขาหลวง จังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมขีดเส้นให้กรมชลประทานและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องเร่งรีบกำหนดประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาเขื่อนน้ำชีภายในต้นเดือนมิถุนายนนี้ พร้อมอยากเห็นการกระจายอำนาจ กระจายงบประมาณ ทรัพยากร และเลือกตั้งผู้ว่าราชการด้วย
นางอมรรัตน์ วิเศษหวาน อายุ 59 ปี กรรมการเครือข่ายชาวบ้านลุ่มน้ำชีตอนล่าง กล่าวว่า วันนี้ทางพี่น้องเครือข่ายชาวบ้านลุ่มน้ำชีตอนล่างจังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดยโสธร ได้ร่วมกันจัดกิจกรรม “บวชแม่น้ำชี ครั้งที่ 2” มีวัตถุประสงค์เพื่อบูชา ต่ออายุแม่น้ำชี เคารพแม่น้ำชีที่คนลุ่มน้ำได้ใช้ประโยชน์ในการดำรงวิถีชีวิต ตลอดจนสร้างจิตสำนึกในการปกป้องแม่น้ำชี ปกป้องทรัพยากร เพื่อให้ลูกหลานในอนาคตได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันอย่างรู้คุณค่า จากคำกล่าว “แม่น้ำชีเดินทางไกลเพื่อให้ผู้คน ผู้คนจงตระหนักและร่วมรักษาเส้นเลือดนี้ร่วมกัน” ซึ่งในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ยังมีการจัดเวทีเสวนา “เหลียวหลัง แลหน้า กระบวนการแก้ไขปัญหาเขื่อนในแม่น้ำชี” โดยมีตัวแทนชาวบ้านลุ่มน้ำชีตนล่างจังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดยโสธร ร่วมให้ความสนใจรับฟังเวทีเสวนาและแลกเปลี่ยนถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการสร้างเขื่อน หลังจากนั้นได้ร่วมกันนำกระทงขนาดใหญ่ไปทำพิธีตามความเชื่อบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำชีบ้านอีโก่ม-นาเลิง ก่อนปล่อยกระทงให้ลอยไปตามมีน้ำชี
ด้านนายสิริศักดิ์ สะดวก อายุ 43 ปี ผู้ประสานงานเครือข่ายชาวบ้านลุ่มน้ำชีตอนล่าง กล่าวว่า กระบวนการแก้ไขปัญหาจากผลกระทบของโครงการเขื่อนร้อยเอ็ด เขื่อนยโสธร-พนมไพร ลุ่มน้ำชีตอนล่าง ปีนี้เป็นปีที่ 13 ของพี่น้องเครือข่ายชาวบ้านลุ่มน้ำชีตอนล่าง จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดยโสธร ที่ได้เรียกร้องให้กรมชลประทานและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาให้เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน ถึงแม้ว่าตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งที่ 388/2562 ลงวันที่ 27 ธันวาคม 2562 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโครงการฝายร้อยเอ็ด โครงการฝายยโสธร-พนมไพร และโครงการฝายธาตุน้อย ลุ่มน้ำชี โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานกรรมการฯ และวันที่ 2 มีนาคม 2563 ได้มีการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโครงการฝายร้อยเอ็ด โครงการฝายยโสธร-พนมไพร และโครงการฝายธาตุน้อย ลุ่มน้ำชี ซึ่งในที่ประชุมได้มีมติให้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฯ ขึ้นมา 4 ชุด เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาให้เป็นรูปธรรมแล้วเสร็จประกอบด้วย 1.คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโครงการฝายร้อยเอ็ด โครงการฝายยโสธร-พนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด 2.คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโครงการฝายยโสธร–พนมไพร จังหวัดยโสธร 3.คณะอนุกรรมการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและด้านสังคม จากโครงการฝายร้อยเอ็ด โครงการฝายยโสธร-พนมไพร และโครงการฝายธาตุน้อย 4.คณะอนุกรรมการศึกษาหลักเกณฑ์เพื่อกำหนดกรอบและแนวทางการชดเชย ความเสียหายหรือเยียวยาให้กับราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฝายร้อยเอ็ด โครงการฝายยโสธร-พนมไพร และโครงการฝายธาตุน้อย
ปัจจุบันกระบวนการดำเนินงานภายใต้คณะกรรมการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโครงการฝายร้อยเอ็ดโครงการฝายยโสธร-พนมไพร และโครงการฝายธาตุน้อย ลุ่มน้ำชี ที่มีอนุกรรมการทั้ง 4 ชุดนั้น ได้ดำเนินตามอำนาจหน้าที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่คณะกรรมการแก้ไขปัญหาจากการสร้างเขื่อนร้อยเอ็ด เขื่อนยโสธร-พนมไพร ลุ่มน้ำชี ที่มีรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธานกำหนดวันประชุม ซึ่งทางพี่น้องเครือข่ายชาวบ้านลุ่มน้ำชีตอนล่างได้หารือกันผ่านเวทีในวันนี้มีมติว่าจะต้องเร่งรีบกำหนดวันประชุมภายในต้นเดือนมิถุนายนนี้ ถ้ายังเตะถ่วงกระบวนการแก้ไขปัญหาทางเครือข่ายชาวบ้านลุ่มน้ำชีตอนล่างพร้อมไปทวงถามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เวลาประมาณ 11.45 น. ลังเสร็จเวทีเสวนา “เหลียวหลัง แลหน้ากระบวนการแก้ไขปัญหาเขื่อนน้ำชี” ทางเครือข่ายชาวบ้านลุ่มน้ำชีตอนล่างได้เดินทางไปบริเวณสะพานข้ามน้ำชีบ้านอีโก่ม-นาเลิง เพื่อประกอบพิธีตามความเชื่อ ก่อนที่นายจันทรา จันทาทอง อายุ 47 ปี กรรมการเครือข่ายชาวบ้านลุ่มน้ำชีตอนล่าง จะอ่านคำประกาศ “13 ปี ที่รัฐไม่ควรแตะถ่วงกระบวนการแก้ไขปัญหาเขื่อนในแม่น้ำชี” เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าปัญหาของเครือข่ายชาวบ้านลุ่มน้ำชีตอนล่างที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ของรัฐ คือ โครงการโขง ชี มูล เดิม นั้น ได้ทำให้เครือข่ายชาวบ้านลุ่มน้ำชีตอนล่าง จังหวัดร้อยเอ็ด และจังหวัดยโสธร ต้องลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิ์เพื่อให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นระยะเวลากว่า 13 ปีแล้ว โดยเฉพาะเขื่อนร้อยเอ็ด เขื่อนยโสธร-พนมไพร ที่ปัจจุบันยังอยู่ในกระบวนการแก้ไขปัญหาแต่ยังไม่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน
พวกเรามีบทเรียนจากนโยบายพัฒนาแหล่งน้ำที่พี่น้องในพื้นที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการกำหนดเพราะส่วนกลางเป็นผู้กำหนด ซึ่งเกิดจากหน่วยงานรัฐส่วนกลางเป็นผู้กำหนดไม่ใช่พี่น้องในพื้นที่ ทางเครือข่ายชาวบ้านลุ่มน้ำชีตอนล่างมองว่าควรมีการกระจายอำนาจ กระจายงบประมาณและเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด เหมือนกรุงเทพมหานคร เพื่อจะให้คนในพื้นที่ได้มีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายการพัฒนาที่สอดคล้องกับพื้นที่จริง และในทางกลับกันที่ผ่านมานโยบายเหล่านี้ที่ถูกกำหนดจากส่วนกลางนั้นได้ส่งผลกระทบจริงต่อระบบเศรษฐกิจฐานราก สังคม วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมของชุมชนคนลุ่มน้ำชี หลังจากมีการสร้างเขื่อนเสร็จเมื่อประมาณปี 2543 เป็นต้นมา ซึ่งตัวชี้วัดของความเปลี่ยนแปลงที่เห็นเป็นรูปธรรมและง่ายต่อความเข้าใจ คือ สภาวะน้ำท่วมที่ผิดแผกไปจากอดีตที่เคยมีเคยเป็น จากอดีตน้ำท่วมพื้นที่การเกษตรประมาณ 7-15 วันน้ำก็ลดเพราะในแม่น้ำชีไม่มีเขื่อนกั้น แต่ภาวะน้ำท่วมอันเนื่องมาจากโครงการพัฒนาแหล่งน้ำของรัฐนั้นจะกินระยะเวลา 2-4 เดือน ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตคนลุ่มน้ำชี ปากท้องของชุมชนและความเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศน์ ซึ่งแตกต่างจากน้ำท่วมที่เป็นไปตามกลไกของธรรมชาติอย่างในอดีตโดยสิ้นเชิง
โดยสรุปแล้วผลจากการศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสังคม ภายหลังจากการสร้างเขื่อนร้อยเอ็ด เขื่อนยโสธร-พนมไพร และเขื่อนธาตุน้อย ชี้ให้เห็นชัดแล้วว่า 1.ผลกระทบเกิดจากการสร้างเขื่อน 2.ผลกระทบเกิดจากโครงสร้างของเขื่อน 3.การบริหารจัดการน้ำที่ผิดพลาด และอื่น ๆ
ถึงแม้ว่ากระบวนการเคลื่อนไหวของเครือข่ายชาวบ้านลุ่มน้ำชี จะมีโครงสร้างการแก้ไขปัญหาผ่านคณะกรรมการแก้ไขปัญหาฯ ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธาน แต่ทุกครั้งที่จะมีการประชุมเครือข่ายชาวบ้านลุ่มน้ำชีจะต้องเคลื่อนไหวเพื่อให้เกิดกระบวนการแก้ไขปัญหาอยู่ตลอด ไม่เคยมีเลยที่หน่วยงานรับผิดชอบของกรมชลประทานจะเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ถูกซุกไว้ใต้พรมมาเป็นระยะเวลาหลายสิบปี
ถึงเวลาแล้วที่รัฐจะต้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาจากการสร้างเขื่อนในแม่น้ำชีอย่างเป็นรูปธรรมตามข้อเรียกร้องของเครือข่ายชาวบ้านลุ่มน้ำชีตอนล่าง จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดยโสธร กรมชลประทานและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไม่ควรแตะถ่วงกระบวนการแก้ไขปัญหาไปแบบเช้าชามเย็นชาม แต่ควรมีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาเขื่อนในแม่น้ำชีอย่างเร่งด่วนเพราะพี่น้องเรียกร้องมา 13 ปีแล้ว การจัดกิจกรรม “บวชแม่น้ำชี ครั้งที่ 2” ในวันนี้ ก็มีวัตถุประสงค์เพื่อบูชา ต่ออายุแม่น้ำชี เคารพแม่น้ำชีที่คนลุ่มน้ำได้ใช้ประโยชน์ในการดำรงวิถีชีวิต ตลอดจนสร้างจิตสำนึกในการปกป้องแม่น้ำชี ปกป้องทรัพยากร เพื่อให้ลูกหลานในอนาคตได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันอย่างรู้คุณค่า จากคำกล่าว “แม่น้ำชีเดินทางไกลเพื่อให้ผู้คน ผู้คนจงตระหนักและร่วมรักษาเส้นเลือดนี้ร่วมกัน”
ดังนั้นเครือข่ายชาวบ้านลุ่มน้ำชีตอนล่าง จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดยโสธร จึงมีข้อเรียกร้องผ่านคำประกาศดังนี้
1.ให้กรมชลประทานและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งรีบกำหนดวันประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาผลกรทบจากการสร้างเขื่อนร้อยเอ็ด เขื่อนยโสธร-พนมไพร และเขื่อนธาตุน้อย ไม่เกินวันที่ 10 มิถุนายนนี้ ถ้าไม่อย่างนั้นพี่น้องเครือข่ายชาวบ้านลุ่มน้ำชีจะเดินทางไปทวงถามที่หน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์