จากกรณีที่มีกลุ่มชาวบ้านอนุรักษ์ลำน้ำเซบายตำบลเชียงเพ็ง อำเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธร และตำบลน้ำปลีก อำเภอเมืองอำนาจเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญ ได้ติดตามสถานการณ์ของโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาด 61 เมกะวัตต์ เพื่อคัดค้านกระบวนการพิจารณาโรงไฟฟ้าชีวมวล ที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้มีความพยายามเร่งรีบในการที่จะหยิบยกขึ้นมาพิจารณาตลอด

อย่างไรภายหลังประชุมหาข้อยุติที่ศาลากลางจังหวัดยโสธร ชาวบ้านเสนอให้ กกพ. ลงมาพบปะกับกลุ่มผู้คัดค้าน แต่กลับไปลงไปหากลุ่มที่สนับสนุนและอ้างว่าหลงทาง จึงทำให้เกิดการไม่ยอมรับการลงมาพื้นที่ของ กกพ. โดยตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการสร้างภาพหรือเปล่า กระทั้งวันที่ 31 มกราคม 62 กลุ่มอนุรักษ์ลำน้ำเซบายจึงได้เดินทางไปยื่นหนังสือกับผู้อำนวยการสำนักงานกกพ. ประจำเขตที่ 5 จังหวัดอุบลราชธานี

นายสิริศักดิ์ สะดวก ที่ปรึกษากลุ่มอนุรักษ์ลำน้ำเซบายเชียงเพ็ง กล่าวว่า ได้รับทราบข้อมูลมาว่าคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานได้หยิบยกเรื่องโรงไฟฟ้าชีวมวลขาด 61 เมกะวัตต์ขึ้นมาพิจารณาเมื่อวันพุธที่ผ่านมา และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานอนุมัติผ่านไปแล้ว ซึ่งทำให้ทางกลุ่มฯ ได้ตั้งข้อสังเกตกับกระบวนการและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นดังนี้คือ 

1.การพิจารณาของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานในครั้งนี้ เป็นการพิจารณาที่ไม่ได้รอข้อสรุปการลงพื้นที่ดูจุดสำคัญของผู้อำนวยการสำนักคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานเขต 5 อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 62 ที่ผ่านมาซึ่งยังไม่มีข้อสรุป เอาไปใช้ประกอบในการพิจารณาด้วย 

2.ไม่มีการแจ้งให้กลุ่มชาวบ้านรับรู้ก่อนที่จะมีการพิจารณาทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ยิ่งไม่พอใจมากขึ้นอีก 

3.ในสถานการณ์ปัจจุบันของสังคมที่ผู้คนกำลังมุ่งเน้นในประเด็นสู่การเลือกตั้ง คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานไม่ควรฉกฉวยโอกาสในช่วงนี้หยิบยกประเด็นเรื่องโรงไฟฟ้าชีวมวลขึ้นมาพิจารณา ควรให้ความสำคัญกับประเด็นประชาธิปไตยด้วย ไม่ใช่จะมาสร้างความขัดแย้งเพิ่มขึ้นอีกในพื้นที่ ซึ่งคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานควรรอให้มีการเลือกตั้งเสร็จก่อน 

4.คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ โดยเฉพาะประเด็นการมีส่วนร่วมที่มีการศึกษาจากชาวบ้านในพื้นที่รัศมี 5 กิโลเมตรของตำบลเชียงเพ็ง อำเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธร ร้อยละกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ชาวบ้านไม่เคยรับรู้ข้อมูลว่าจะมีโรงไฟฟ้าชีวมวล และไม่เคยมีส่วนร่วมมาก่อน ประกอบกับคณะทำงานศึกษาข้อเท็จจริงยังรวบรวมข้อมูลในประเด็นทรัพยากรที่มีความสำคัญกับชุมชนด้วย แต่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานไปยึดอีไอเอเป็นหลัง ที่ชาวบ้านในพื้นที่ไม่ยอมรับ

5.ยังมีประเด็นห้วยสาธารณะที่ยังไม่มีข้อสรุป

ดังนั้นการพิจารณาของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานที่อนุมัติให้โรงไฟฟ้าชีวมวลขนาด 61 ผ่านในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่ารัฐไม่ได้สนใจประชาชนที่เรียกร้องให้ยุติโครงการที่จะก่อให้เกิดผลกระทบกับชุมชนและสิ่งแวดล้อม แต่กลับแสดงออกถึงการเอื้อให้กับนายทุนมากกว่า ถึงอย่างไรกลุ่มอนุรักษ์ลำน้ำเซบายตำบลเชียงเพ็งก็ยังยืนยันเดินหน้าคัดค้านและไม่ยอมรับกระบวนการอีไอเอและกระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน

​ด้านนางมะลิจิตร เอกตาแสง อายุ 58 ปี กรรมการอนุรักษ์ลำน้ำเซบายตำบลเชียงเพ็ง กล่าวว่า ที่กกพ.ลงพื้นที่นั้นพยายามสร้างภาพแค่นั้น ไม่ได้มีความจริงใจ เพราะว่าที่ผ่านมาชาวบ้านก็ยืนยันข้อมูลแล้วว่าทำไมถึงคัดค้านและไม่ควรที่จะสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาด 61 เมกะวัตต์ มันจะทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน

การที่ กกพ.พิจารณาให้ผ่านนั้น ชุมชนไม่ได้รับรู้เลย เราไม่ยอมรับกระบวนการ และกลุ่มอนุรักษ์ลำน้ำเซบายก็จะรณรงค์ยืนหยัดคัดค้านต่อไป เพื่อชุมชนเราจะได้ใช้อากาศที่บริสุทธิ์ เพื่อเราจะได้ใช้น้ำที่สะอาด