เว็บไซต์มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เผยแพร่ข้อมูลระบุว่า ศาลปกครองมีคำสั่งลงวันที่ 22 มีนาคม 2564 รับคำฟ้องของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และอีก 36 องค์กรผู้บริโภค รวมถึงผู้บริโภคจากทั่วประเทศ กรณีคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (กขค.) มีมติอนุมัติให้บริษัท ซี.พี. รีเทล ดีเวล ลอปเม้นท์จำกัด ควบรวมกิจการกับ บริษัท เทสโก้ สโตร์ส จำกัด ที่อาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย
โดยที่ศาลปกครองมีคำสั่งให้พิจารณาโดยเร่งด่วน และสั่งให้ทำคำชี้แจง รวมถึงส่งเอกสารประกอบว่า หากไม่มีคำสั่งให้ชะลอหรือระงับตามคำสั่งทางปกครองในเหตุพิพาทไว้เป็นการชั่วคราวก่อนนั้นจะเกิดความเสียหายและยากแก่การเยียวยาแก้ไขอย่างไร
ทั้งนี้ ศาลได้เรียกบริษัท ซี.พี. รีเทล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และ บริษัท โลตัส สโตร์ส (ประเทศไทย) จำกัดเข้ามาเป็นคู่กรณีฝ่ายที่สาม โดยกำหนดให้บริษัท ซี.พี. ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัดเป็นผู้ร้องสอดที่ 1 และบริษัท โลตัส สโตร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ร้องสอดที่ 2 (ซึ่ง บริษัท เทสโก้ สโตร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท โลตัส สโตร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2564
ส่วนในกรณีที่ผู้ฟ้องคดีได้ร้องขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งกำหนดมาตรการคุ้มครองหรือบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษานั้น ศาลขอให้ผู้ฟ้องจัดทำคำชี้แจง พร้อมเอกสารหลักฐานเพื่อยื่นต่อศาลภายใน 7 วัน หลังจากที่ได้รับหมาย
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และอีก 36 องค์กรผู้บริโภค รวมถึงผู้บริโภคทั่วประเทศได้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง ในกรณีคณะกรรมการแข่งขันทางการค้ามีมติอนุญาติให้บริษัท ซีพี และบริษัทเทสโก้ควบรวม ต่อศาลปกครองในวันที่ 15 มีนาคม 2564 โดยสาระสำคัญของการฟ้องมีเนื้อหา ดังนี้
มตินี้อาจขัดต่อ พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 ที่มุ่งเน้นกำกับดูแลการประกอบธุรกิจให้มีแข่งขันทางการค้ามากที่สุดภายใต้หลักเสรีและเป็นธรรม ปล่อยให้บริษัทที่มีส่วนแบ่งในตลาดอยู่แล้วมากถึงร้อยละ 69.3 ก่อนการควบรวม ให้ได้มีอำนาจเหนือตลาดเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 83.97 หลังการควบรวม ซึ่งมตินี้จะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
เนื่องจากทำให้เกิดการผูกขาดสินค้าที่เป็นปัจจัยสำคัญต่อผู้บริโภค อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตสินค้าและวัตถุดิบ ที่ขาดอำนาจการต่อรอง และทำลายโอกาสการแข่งขันอย่างเป็นธรรมกับคู่แข่งเดิมและคู่แข่งหน้าใหม่ และเมื่อจำนวนผู้แข่งขันลดลง ย่อมทำให้ผู้บริโภคมีโอกาสเลือกสินค้าน้อยลง จนทำให้ผู้บริโภคอาจตกอยู่ในภาวะที่ต้องซื้อสินค้าในราคาที่สูงอย่างเลี่ยงไม่ได้
นอกจากนั้นแล้ว คณะกรรมการแข่งขันทางการค้าไม่ได้จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียและประชาชนทั่วไป ซึ่งถือได้ว่าไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง มีการกำหนดกรอบในการลงมติของคณะกรรมการเป็นการกำหนดกรอบที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีเงื่อนไขว่าคณะกรรมการที่ลงมติไม่เห็นชอบ จะไม่มีสิทธิกำหนดเงื่อนไขเชิงโครงสร้างและเงื่อนไขเชิงพฤติกรรม
ทั้งนี้ราวเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ซีพี เพิ่งเปิด ตัวแบรนด์ใหม่ Lotus’s แทน Tesco Lotus หลังจากเป็นผู้ชนะประมูลซื้อกิจการ Tesco ประเทศไทยและมาเลเซีย ด้วยมูลค่า 338,445 ล้านบาท
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม :