ไม่พบผลการค้นหา
‘สมศักดิ์’ นำทีมผู้บริหารกระทรวงยุติธรรมแถลงผลการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ 2565 เตรียมออกกฎหมาย 2 ฉบับสำหรับรัฐบาลชุดหน้า เล็งประสานนิคมอุตฯ รับผู้พ้นโทษเข้าทำงาน เผยเตรียมประชุมร่วม ป.ป.ส. วางมาตรการแก้ปัญหายาเสพติด

วันที่ 21 ก.ย. 2565 ที่กระทรวงยุติธรรม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงผลการดำเนินงานของกระทรวงยุติธรรม ประจำปีงบประมาณ 2565 ร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ภายใต้ชื่อ “ยุติธรรมสร้างสุข ยุติธรรมเชิงรุก สร้างสุขให้ประชาชน” 

สมศักดิ์ กล่าวว่า ในส่วนของการดำเนินงานที่ผ่านมานั้น เราได้เตรียมการล่วงหน้ามาแล้ว และผลของการเตรียมการทั้งหมด ทำให้เรามีความพร้อมที่จะขับเคลื่อนกระบวนการยุติธรรมต่อไป ทั้งนี้ในการเตรียมการส่วนใหญ่ เครื่องมือที่เตรียมการไม่ใช่ในเรื่องของงบประมาณ หรือจำนวนบุคลากรที่มากกว่าปกติ แต่สิ่งที่เตรียมคือ การทำกฎหมาย สร้างกฎหมายฉบับสำคัญขึ้นมา

สมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในวันนี้กฎหมายที่ผ่าน และสามารถนำมาใช้ได้มี 7 ฉบับ และอีก 2 ฉบับเป็นกฎหมายสำคัญที่รอการพระราชทานโปรดเกล้าฯ รวมแล้วกฎหมายที่จะได้ใช้แน่นอนมีจำนวน 9 ฉบับ และอีก 3 ฉบับที่อยู่ในขั้นระเบียบวาระที่ 1 ของสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) อีกทั้งยังเตรียมการไว้สำหรับรัฐบาลชุดหน้าอีก 2 ฉบับ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกฎหมาย 2 ฉบับที่กระทรวงยุติธรรมเตรียมไว้สำหรับรัฐบาลชุดหน้านั้น สมศักดิ์ กล่าวว่า ฉบับแรกเป็นกฎหมายที่ทำให้คนทำงานเกิดความปลอดภัย และกล้าทำงาน หรือ Law of Efficiency เป็นกฎหมายที่มีรายละเอียด โดยข้าราชการใดที่ทำงานแล้วมีปัญหาเรื่องของการทำผิดระเบียบกฎเกณฑ์ของราชการ จะมีโทษจำคุก แต่ผลงานที่ออกมานั้นเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ไม่ได้ทำให้ประเทศเสียหายแล้วยังถูกดำเนินคดีต่างๆ มันสมควรมีกฎหมายที่รองรับว่าบุคคลนั้นไม่สมควรจะต้องถูกจำคุก ซึ่งตรงนี้ พงษ์สวาท กายอรุณสุทธิ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรมได้รับเรื่องนี้ไปตั้งคณะกรรมการเพื่อไปทำเป็นกฎหมายในอนาคต 

ส่วนกฎหมายฉบับที่สอง คือ กฎหมายสำหรับเกษตรกร และชาวชนบท ยกตัวอย่างต่างประเทศที่มีเรื่องของปศุสัตว์ และเกษตรกรทั่วประเทศ โดยกฎหมายฉบับนี้จะเป็นการปกป้องผลประโยชน์ของเกษตรกร ชาวไร่ และชาวนาที่ทำการเกษตร 

สำหรับเรื่องการไกล่เกลี่ยหนี้สิน สมศักดิ์ ระบุว่า หลังจากที่กระทรวงยุติธรรมได้ไกล่เกลี่ยไปทั้งหมด 77 จังหวัด 77 ครั้ง และอีกหนึ่งครั้งสุดท้ายที่เมืองทองธานี เราไกล่เกลี่ยสำเร็จไปเป็นจำนวน 92,000 กว่าคน และได้ช่วยใช้หนี้สินไป 22,000 กว่าล้านบาท และลดค่าใช้จ่ายภาคประชาชน ค่าใช้จ่ายค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายทนาย และอื่นๆ รวม 6,900 ล้านบาท 

สมศักดิ์ กล่าวต่อว่า แนวทางสำคัญที่ได้ประสานไว้สำหรับรัฐบาลหน้า คือ การสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอดีตที่ผู้ต้องขังแต่ละปีจะออกมาจากกรมราชทัณฑ์ จากการจำคุกประมาณ 120,000 คน/ปี และจะมีผู้ต้องขังในจำนวนนี้ย้อนกลับมาเข้าคุกอีกใน 3 ปี กลับมาทำผิดอีก คิดเป็น 35% โดยประมาณ และเมื่อไปสำรวจดูแล้วพบว่าคนที่กลับมากระทำความผิดซ้ำนั้นส่วนใหญ่ไม่มีงานทำ ไม่มีเงินใช้ จึงต้องหางานให้พวกเขาทำ 

โดยมีแนวทางจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยว่าเราจะต้องสร้างนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ จำนวนสี่แห่งที่มีความพร้อม ซึ่งได้มีการเริ่มดำเนินการไปหนึ่งแห่งแล้ว คือที่จังหวัดสมุทรสาคร เพราะจังหวัดสมุทรสาครมีความพร้อมมาก เนื่องจากมีเอสเอ็มอีถึง 7,000 บริษัท ถ้าหากในบริษัทหนึ่งแห่งต้องการรับคนงานแค่ 10 คน ก็จะใช้คน ตั้ง 70,000 คน เป็นต้น และเพื่อเป็นการทดแทนการใช้แรงงานของชาวต่างชาติอย่างเมียนมาร์ในการดำเนินการลักษณะนี้ 

ขณะที่ประเด็นของยาเสพติด สมศักดิ์ ยืนยันว่า ยาเสพติดยังเป็นภัยมหันต์ของสังคม อย่างไรก็ตาม ได้มีการประชุมกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ซึ่งมีมาตรการแนวทางในเรื่องของการจัดการ ยึดทรัพย์สินของเครือข่ายยาเสพติด เป็นมาตรการสำคัญที่กำหนดไว้ให้กับสำนักงาน ป.ป.ส. โดยจะมีการหารือกันอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ และจะมีการแถลงผลการทำงานของ สำนักงาน ป.ป.ส. ว่าในปีงบประมาณ 2566 นี้ สามารถยึดทรัพย์สินเกี่ยวกับยาเสพติดได้จำนวนเท่าไหร่ โดยอาจจะเป็นจำนวนเงินถึง 10,000 - 100,000 ล้านบาทก็เป็นได้