ไม่พบผลการค้นหา
'ประยุทธ์' วอนหยุดบางปัญหาที่ไม่ใช่ความเป็นความตายของประเทศไว้ก่อน ปัญหาอื่นรอให้แก้อีกมาก ลั่นประเทศไม่ใช่ของตัวเอง แต่เป็นของทุกคน ระบุ การเปลี่ยนแปลงต้องดูบริบท ไม่ใช่เปลี่ยนได้ทันที

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “ยกกำลังสองการศึกษาไทย สู่ความเป็นเลิศ”(Thailand Education Eco-System) และการแสดงวิสัยทัศน์การขับเคลื่อนการศึกษาไทย ทั้งนี้ทันทีที่นายกฯ เข้ามายังห้องห้อง Auditorium ซึ่งเป็นสถานที่ในการแสดงวิสัยทัศน์และไม่เห็นกลุ่มสื่อมวลชน เนื่องจากสถานที่ค่อนข้างคับแคบ เจ้าหน้าที่ได้จัดสถานที่ให้ฟังอยู่ด้านนอกห้องประชุม พล.อ.ประยุทธ์ จึงให้เจ้าหน้าที่มาเชิญสื่อมวลชนให้เข้าไปฟังในห้อง

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวก่อนเริ่มแสดงวิสัยทัศน์ว่า “ สื่อมวลชนเข้ามาฟังเลยหรือไม่ ถ้าไม่เข้ามาก็จะไม่พูดไม่ให้สัมภาษณ์ เพราะเรื่องนี้เป็นความเป็นความตายของประเทศ” ทำให้ผู้เข้าร่วมฟังการแสดงวิสัยทัศน์ถึงกับงุนงงในคำพูดของนายกฯ 

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้อนาคตที่สำคัญที่สุดคืออนาคตทางการศึกษา เพื่อลูกหลานและคนรุ่นใหม่ โดยต้องขอบคุณทุกคนที่เป็นส่วนหนึ่งทางการศึกษา ซึ่งเราทำคนเดียวไม่ได้ต้องช่วยกันทั้งหมดคนไทยทั้งประเทศ เพื่อเดินหน้าปฏิรูปการศึกษา วันนี้มีทางเลือกใหม่ในการเดินหน้าไปให้ได้ ซึ่งรัฐบาลมีหน้าที่ขจัดอุปสรรคต่างๆ ทั้งนี้ถ้าย้อนกลับไปดูยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่หลายคนยังไม่เข้าใจว่ามีไว้ทำไม ย้ำว่าเป็นการกำหนดกรอบไว้ แต่โลกมีความเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะวันนี้เราต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่คนในศตวรรษที่ 21 ก็ต่างจากสมัยตน ทั้งหลักคิดต่างๆ โดยเฉพาะมีเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามา ถ้าไม่เตรียมวันนี้วันหน้าจะยากยิ่งกว่านี้ สิ่งสำคัญคือการพัฒนาเด็กไปสู่การเรียนรู้ที่คิดเป็นและมีหลักการ 

โดยต้องมีเป้าหมายพัฒนาคนทุกมิติทุกช่วงวัย โดยเฉพาะผู้ที่จะต้องออกมาทำงาน ทำอย่างไรจะให้คนไทยมีความพร้อม และคิดว่าวันนี้ความแข็งแรงของร่างกายเด็กๆ ค่อนข้างจะเข้มแข็งน้อยลงเพราะการออกกำลังกายค่อนข้างน้อย ซึ่งนอกจากร่างกายจะต้องแข็งแรงแล้วจิตใจก็ต้องแข็งแรงด้วย มีจิตสาธารณะมีความรับผิดชอบต่อสังคมและต่อผู้อื่น โอบอ้อมมีวินัย รักษาศีลธรรมและเป็นคนดีของชาติด้วยการมีหลักคิดที่ถูกต้อง ดังนั้นวันนี้ต้องปรับใหม่กันทั้งหมด คงไม่ใช่เฉพาะเด็กๆ เท่านั้น ผู้ใหญ่เองก็ต้องปรับด้วยในการเตรียมความพร้อมในการเดินหน้าต่อไป

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้เรื่องการอนุรักษ์ภาษาท้องถิ่นและการดูแลชุมชนก็เป็นสิ่งสำคัญควรให้เด็กสนใจเรื่องเหล่านี้ด้วย มากกว่าสนใจในเรื่องที่ยังไม่ใช่เวลา แต่ต้องมองอนาคตวันนี้ก่อน คือ การเรียนหนังสือให้จบและให้มีงานทำ นั่นคือเป้าหมายของเด็กนักศึกษา ในส่วนการเรียนรู้วันนี้ต้องทำให้เด็กสนใจค้นคว้าแลกเปลี่ยนและถกแถลงกันด้วย รวมทั้งการค้นคว้าข้างนอก เช่น ไปดูชุมชน ตลาด กลุ่มเกษตรกรหรือกลุ่มชาวนาให้เห็นถึงความยากลำบาก คนไทยมีวิถีอย่างไร ไม่เช่นนั้นก็นำไปเปรียบเทียบกับต่างประเทศ ซึ่งบริบทต่างกัน

เราเป็นประเทศที่มีอัตลักษณ์ความเป็นไทยสูง เราลืมสิ่งเหล่านี้หรือยัง ซึ่งตนถูกสอนมาแบบนี้สมัยโบราณ บางอย่างอาจจะคิดมากไป ซึ่งตนคิดอยู่ทุกวัน เพราะนายกฯ ไม่ใช่มาเปิดงานแล้วปิด แต่ต้องเตรียมทุกสถานการณ์ แต่จะพูดหรือไม่พูดเท่านั้นเองเพื่อให้ประเทศชาติมีความสงบเรียบร้อยและปลอดภัย

อัตลักษณ์ของไทยที่ควรรักษา

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนเคยถามเด็กว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไรบางคนอยากเป็นหมอ แต่พอถามว่าต้องทำอย่างไรบ้างกลับตอบไม่ได้ ซึ่งนอกจากเรียนเก่งแล้วก็ต้องมีจิตสำนึกและความรับผิดชอบ ไม่ได้มองเพียงเรื่องค่าตอบแทนเพียงอย่างเดียว ดังนั้นหลักคิดทั้งหมดต้องเปลี่ยนใหม่ แต่ไม่ใช่เปลี่ยนหรือหวาที่ไม่เข้ากับระบบของความเป็นไทยของเราในขณะนี้ นั่นคือสิ่งที่หลายประเทศอิจฉาเราทั้งสิ้น อัตลักษณ์ความเป็นไทย ซึ่งหลายเรื่องเราเป็นตัวอย่างของโลก หลายเรื่องที่ต่างชาติอยากจะร่วมมือและมาลงทุนในประเทศไทย เพราะความมีอัตลักษณ์ของไทย ความเป็นชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ เหล่านี้เป็นสิ่งที่อยู่กับเรา รวมทั้งรอยยิ้ม อาหาร ที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่งดงามนี่คือประเทศไทย สิ่งเหล่านี้ลืมกันไปหรือเปล่า ดังนั้นเป็นหน้าที่ของครูและทักษะด้านการศึกษาด้วย ที่ต้องช่วยกันอบรมบ่มนิสัยให้เป็นคนดีและคนเก่งไปด้วย

"ประเทศชาติไม่ใช่ของผม หรือของใครคนใดคนหนึ่ง"

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สื่อมวลชนวันนี้ถือเป็นบุคคลสำคัญที่จะสร้างการรับรู้ให้กับสังคมอย่างไร ถ้าแพร่ข่าวอย่างเดียว ความขัดแย้งจะเกิดอย่างนี้ไปตลอดเวลา ฉะนั้น ทำอย่างไรจะให้เกิดความสงบให้ได้ มีเสถียรภาพรัฐบาลให้ได้ ไม่ว่ารัฐบาลจะอยู่หรือไม่อยู่ ต้องรู้ว่าจะเกิดอะไรตามมาในขณะนี้ก็สุดแล้วแต่ และอย่าเอาอำนาจฝ่ายบริหารและตุลาการมาพันกัน เพราะคนละอำนาจกัน ตนมีหน้าที่ในการประสานทำความเข้าใจนั่นคือ หน้าที่ของรัฐบาล ไปก้าวล่วงใครไม่ได้ ทุกคนมีกฎหมายทุกตัว ดังนั้นขอสื่อเสนอสิ่งดีๆด้วย อยากให้มีคอลัมน์เหล่านี้มากยิ่งขึ้น 

“ประเทศชาติไม่ใช่ของผม หรือของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นของคนทุกคน แผ่นดินผืนนี้จะเปลี่ยนแปลงอะไร จะทำอะไรก็ต้องดูพื้นฐานและบริบทของประเทศไทยด้วย สิ่งสำคัญจะทำอย่างไรถึงจะยกระดับการศึกษาของประเทศให้ได้ การศึกษาเราไม่ใช่ล้มเหลว ไม่ใช่ไม่ดี เพียงแต่อยู่ที่การบริหารจัดการให้ทันต่อโลกยุคที่มีเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามา”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว   

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจเมื่อมีโควิด-19 ก็กระทบต่อการส่งออก การท่องเที่ยว ไม่ใช่ไทยไม่อยากส่งออก เขาไม่ซื้อเพราะเขาก็เจอปัญหาโควิด-19 เหมือนกัน แต่โควิด-19 ว่าร้ายแล้ว ต่อจากนี้ไปจะร้ายกว่านี้อีก ฉะนั้นทุกคนต้องเข้าใจให้ดีว่าจะทำอย่างไรให้สังคมช่วยกันที่จะลดผลกระทบอันจะเกิดขึ้นกับประเทศไทย เราต้องเผชิญหน้ากับปัญหาอีกหลายด้าน หลังโควิด-19 แล้ว ปีหน้ายังไม่รู้ว่าวัคซีนจะออกมาได้จริงหรือไม่ เมื่อออกมาแล้วจะเกิดอะไรขึ้นอีก เพราะไวรัสมันก็พัฒนาตัวเอง หายไปแล้วจะกลับมาใหม่หรือไม่ก็ยังไม่รู้ โลกเป็นอย่างนี้ หลายอย่างเป็นสิ่งที่ตนกังวล นอกจากนี้เรื่องการศึกษาหลายคนบอกว่าอยากเอาแบบประเทศฟินแลนด์ ไม่ต้องไปโรงเรียน เด็กมีความสุข เราทำอย่างนั้นได้หรือไม่ ไปคิดดู แต่ตนคิดว่ายังไม่ถึงเวลานั้น ลำบาก เพราะหลายอย่างเรายังมีปัญหามากในขณะนี้ 

"ถ้าเราสามารถช่วยแก้ปัญหาช่วงนี้ไปก่อน ปัญหาอื่นยังไม่ใช่ความเป็นความตายของประเทศ ต้องแก้ปัญหาที่มีอยู่ให้ได้ก่อน อย่างอื่นก่อนแก้ไปตามระบบ ระเบียบ ขั้นตอน ตนไม่ขัดแย้งกับใครทั้งสิ้น"นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวอีกว่า วันนี้ตนพูดกับทุกประเทศว่าประเทศไทยจะเดินหน้าไปอย่างไร หลายประเทศเห็นศักยภาพเรา ดังนั้นเราต้องไม่ทำลายศักยภาพและประเทศของเรา ส่วนเรื่องที่มีปัญหาค่อยๆ แก้ไปตามขั้นตอน แต่อย่าให้ทุกอย่างมันเสียหายไปด้วย นอกจากนี้ตนขอยืนยันจะทำงานอย่างเต็มที่สุดชีวิตของตน ในการทำงานทุกอย่างตามความรับผิดชอบ 

อย่างไรก็ตามเป็นที่สังเกตว่า ตลอดทั้งงานนายกรัฐมนตรีมีสีหน้าเคร่งเครียดมากกว่าปกติ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: