นางพะเยาว์ อัคฮาด แม่ของนางสาวกมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสา ที่เสียชีวิตภายในวัดปทุมวนาราม ระหว่างการสลายการชุมนุมทางการเมืองปี 2553 พร้อมด้วย นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้งและนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำศูนย์ประสานงานนักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ร่วมกันเดินเท้าจากวุดปทุมวนาราม เข้ารับทราบข้อกล่าวหากับเจ้าหน้าที่สถานีตำรวจนครบาล หรือ สน.พญาไท พร้อมทนายความ หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.แจ้งความดำเนินคดีหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กรณีร่วมกิจกรรมล่ารายชื่อถอดถอน กกต. โดยมีเจ้าหน้าที่จากสหประชาชาติเข้าสังเกตการณ์ด้วย ซึ่งพนักงานสอบสวนแจ้งข้องหา หมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 กับทั้ง 3 ราย นัดฟังคำสั่งคดีว่าจะส่งอัยการหรือไม่ ในวันที่ 4 มิ.ย. 2562 นี้
โดยก่อนการเดินเท้า นางพะเยาว์ ได้วางพวงมาลัย บอกกล่าวดวงวิญญาณของบุตรสาว บริเวณที่ถูกยิงเสียชีวิต เพื่อยืนยันว่าพร้อมจะเดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในคดีนี้ หลังจากต่อสู้กับความอยุติธรรมอย่างเต็มที่ในกรณีคดี 6 ศพวัดปทุมฯ แต่ยังไม่ได้รับความเป็นธรรมและต้องตกมาเป็นผู้ต้องหาเองในครั้งนี้ โดยตอนหนึ่งระบุว่า ขอให้ลูกเป็นกำลังใจให้แม่ต่อสู้กับความอยุติธรรม แม่จะสู้ให้ถึงที่สุด
นอกจากนี้ ยังมีประชาชนผู้รักประชาธิปไตยและความเป็นธรรมกว่า 20 คนมาให้กำลังใจและร่วมเดินเท้า โดยระหว่างทางยังมีผู้รักความเป็นธรรมรอให้กำลังใจและร่วมขบวนอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ โดยเฉพาะจุดทางลงบันได skywalk แยกปทุมวัน ที่มีการ ชู 3 นิ้วเป็นเชิงสัญลักษณ์ระหว่างผู้ร่วมขบวนและแสดงต่อสื่อมวลชนตลอดจนเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบที่ติดตามดูแลความสงบเรียบร้อยและอำนวยความสะดวกด้วย
นางพะเยาว์ ยืนยันถึงความบริสุทธิ์ในการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของกกต. และเห็นว่าองค์กรอิสระที่กินเงินเดือนจากภาษีของประชาชนควรรับฟังข้อตำหนิหรือคำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆของประชาชนไปพิจารณาไม่ใช่มาแจ้งความดำเนินคดีกับประชาชน และย้ำด้วยว่าตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมา ประชาชนถูกปิดปากจากกฎหมายที่ผู้มีอำนาจออกแบบมา และขอบคุณผู้รับความเป็นธรรมที่ให้กำลังใจรวมถึงผู้แทนจากสหประชาชาติด้วย พร้อมกันนี้ยืนยันว่า เมื่อกฎหมายกลายเป็นความอยุติธรรม ประชาชนจึงจำเป็นต้องลุกขึ้นมาต่อสู้
ส่วนนายพริษฐ์ ระบุว่า เจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาโดยอ้างถึงการปราศรัยโจมตี กกต.ว่าโกงเลือกตั้งเสียเอง ซึ่งยอมรับว่าได้กล่าวเช่นนั้นจริง แต่ไม่ได้เป็นการหมิ่นประมาท เพราะพูดความจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งสังคมต่างรับรู้ดีว่า กกต.มีหน้าที่จัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรมแต่กลับล้มเหลว จึงเปรียยได้กับการโกงรูปแบบหนึ่งนั่นเอง และเห็นว่ากกต ควรยอมรับความเป็นจริงและไม่ควรฟ้องประชาชน
เช่นเดียวกับนายสิรวิชญ์ ที่ยืนยันความบริสุทธิ์ใจในการรณรงค์และปราศรัยรวมถึงล่ารายชื่อถอดถอน กกต.ที่ดำเนินการม และได้ปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยพร้อมสู้ในกระบวนการยุติธรรม