ไม่พบผลการค้นหา
ประชุม ครม.สัญจรนครสวรรค์เริ่มแล้ว ก่อนประชุม นายกฯ เข้ากราบนมัสการเจ้าอาวาสวัดดังของจังหวัด ขณะที่วาระ ครม. เตรียมผลักดันภาคเหนือตอนล่างเป็น คุนหมิงของไทย พร้อมพิจารณาโครงการถนนเชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก-ตะวันตกทางตอนเหนือ ขณะที่สำนักเลขาธิการ คสช. ชง ครม.ไฟเขียวโควตาบำเหน็จ 2 ขั้นให้ จนท. คสช.

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.เป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี นอกสถานที่ จ.นครสวรรค์ ภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ โดยนายกฯ กล่าวก่อนการประชุมว่า เมื่อวานนี้ (11 มิ.ย.) ตนเองและ ครม.ได้ลงพื้นที่ ติดตามความคืบหน้าการดำเนินนโยบายของรัฐบาล และรับฟังปัญหาของประชาชนในพื้นที่ต่างๆ และเสียดายที่เมื่อคืน ภาคเอกชน ไม่ได้ไปร่วมรำวงที่ตลาดวัฒนธรรม ขณะที่ช่วงเช้าที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปกราบนมัสการหลวงปู่ลี ตาณังกะโร เจ้าอาวาสวัดหัวตลุก วนาราม ซึ่งเป็นพระที่คนจังหวัดนครสวรรค์ให้ความเคารพนับถือ เป็นพระที่ประพฤติดี เรื่องการสอนคน และเป็นพระสายวัดป่าหลวงปู่มั่น ส่วนเมื่อเช้านี้ มีเด็กนักเรียนมาต้อนรับ และได้รับการแนะนำเด็กนักเรียนคนหนึ่ง จึงอยากให้ที่ประชุมได้เห็นความตั้งใจของเด็กคนนี้ ในเรื่องของการเรียน ความตั้งใจในการประกอบอาชีพในอนาคต จึงขอให้ทุกคนได้ให้กำลังใจเด็กคนนี้ด้วย เพราะนอกจากจะเรียนรู้ภาษาอังกฤษในโรงเรียนแล้ว ยังเรียนรู้ภาษาด้วยตนเอง  

ระหว่างนี้ น.ส.พิชญา ทวีสิทธิโชค นักเรียนชั้น ม. 6 โรงเรียนนครสวรรค์ โชว์ความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษ ให้ที่ประชุม ได้รับฟัง โดยน.ส.พิชญา บอกว่า อยากเป็นทูต นายกรัฐมนตรีจึงฝากให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศดูแล

สำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ ประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2 จะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ขอให้ผลักดันกลุ่มภาคเหนือตอนล่าง 2 เป็นคุนหมิงของไทย ซึ่งต้องเตรียมพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานทางถนนรองรับการค้าที่เติบโต และเชื่อมการขนส่งสินค้าไปยังภาคอื่นๆ 

นอกจากนี้ จะขอให้มีการผลักดันโครงการถนนสายวงแหวนสายตะวันตกเชื่อมทางหลวงหมายเลข 117 และทางหลวงหมายเลข 225 ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกและตะวันตกทางตอนเหนือ เชื่อมไปจนถึง จ.ชัยภูมิ เพื่อรองรับการเดินทางที่เพิ่มขึ้นในอนาคต

ขณะที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จะเสนอที่ประชุมพิจารณาอนุมัติหลักการโควตาบำเหน็จประจำปี (2 ขั้น) นอกเหนือโควตาปกติ ให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานใน คสช.ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561 ในอัตราร้อยละ 3 ของจำนวนเจ้าหน้าที่ผู้ที่ปฏิบัติงานใน คสช. จำนวน 19,987 นาย ซึ่ง 600 นาย ให้ใช้งบรายจ่ายประจำปีของส่วนราชการต้นสังกัด ในโอกาสแรกก่อน และหากไม่สามารถดำเนินการได้ ขอให้เบิกจ่ายจากงบกลาง ในลักษณะเดียวกับการเบิกจ่ายงบประมาณให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้มีผลการปฏิบัติงานด้านยาเสพติด