ไม่พบผลการค้นหา
'วิโรจน์' ข้องใจสั่ง 'แอสตร้าฯ' 61 ล้านโดสแค่ศักยภาพในการฉีดไม่ใช่ยอดส่งมอบ ซัดเป็นแผนหลอกลวง ด้าน 'คารม' ส.ส.ก้าวไกล ลุกประท้วงใช้ถ้อยคำวัคซีนลวงโลก ตอบโต้นัวข้อหางูเห่า

เวลา 15.30 น. วันที่ 1 ก.ย. 2564 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณา วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในกรณีการจัดหาวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า โดยวันที่ 23 ม.ค.2564 ตนได้ไปขอสัญญาการจัดซื้อแอสตร้าเซนเนก้า กับสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จึงได้รับคำแนะนำให้ไปขอที่สถาบันวัคซีนแห่งชาติ จึงเดินทางไปขอ แต่กลับมีคนใส่เสื้อกลับด้านมารอรับ ซึ่งอนุทินระบุว่า ไม่มีใครโง่ทำเช่นนั้น และตนก็ยืนยันว่าไม่มีใครโง่ทำเช่นนั้น เพราะคนที่จะทำเช่นนั้นได้ คือคนที่โคตรโง่ เรียกว่า ต้องถือว่าโง่ดักดานจริงๆ

วิโรจน์ กล่าวว่า วันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ได้ส่งสัญญาในการจัดซื้อวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 26 ล้านโดสมาให้ จึงเกิดคำถามว่า สั่งซื้อ 61 ล้านโดส แล้วอีก 35 โดส หายไปไหน จนมาทราบภายหลังว่าเพิ่งลงนามในสัญญาอีกในเดือน มิ.ย.2564 นี้เอง

เขา กล่าวว่า กระทั่งวันที่ 13 มิ.ย. แผนการจัดซื้อวัคซีน เริ่มแสดงถึงหายนะ เมื่ออธิบดีกรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์ว่าตัวเลข 61 ล้านโดสดังกล่าวนั้น เป็นแค่ศักยภาพในการฉีด ไม่ใช่จำนวนที่ต้องส่งมอบ ทั้งที่ก่อนหน้านั้น ภาครัฐมีการโหมประชาสัมพันธ์แผนการกระจายวัคซีนอย่างหนัก นั่นหมายความว่าอย่างไร เป็นการหลอกลวงประชาชนหรือไม่ ให้ประชาชนเชื่อว่าจะมีวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าส่งตรงตามแผน

วิโรจน์ ลักขณาอดิศร

เรื่องนี้คนที่จะรับผิดชอบที่สุดไม่ใช่คุณอนุทิน แต่เป็น พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะโยนความผิดให้พ้นตัว ให้คุณอนุทินรับผิดคนเดียว เพราะที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ได้พูดถึงคำมั่นในแผนจัดหาวัคซีนลวงโลก 61 ล้านโดส

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ซึ่งนั่งอยู่กับ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นประท้วง โดยกล่าวหาประธานเพิกเฉยต่อคำว่า “วัคซีนลวงโลก” เพราะว่าวัคซีนลวงโลกนั้นไม่มี หากจะบอกว่าด้อยค่า ไม่มีประสิทธิภาพ พอรับได้ แต่ไม่ควรใช้คำว่าวัคซีนลวงโลก โดยย้ำว่าวัคซีนลวงโลกคือวัคซีนหลอกลวง คำพูดนี้เสียดสีสร้างความสับสนให้ประชาชน ควรวินิจฉัยว่าพูดต่อไปไม่ได้ในเรื่องวัคซีนลวงโลก

ขณะที่ประธานวินิจฉัยว่า ไม่ผิดข้อบังคับ โดยการอภิปรายไม่ใช่่ยี่ห้อของวัคซีน จึงให้อภิปรายต่อ โดยวิโรจน์ ได้ขอบคุณประธานว่า “ประธานเก่ง ที่ฟังภาษางูรู้เรื่องด้วย

คารม จึงลุกขึ้นโต้ว่า “ผมมีสิทธิประท้วง แต่เมื่อท่านประธานชี้แล้ว ก็รับฟัง แต่ไม่ต้องมาเสียดสี จะเก่งกาจลีลาก็ทำไป ผมไม่ได้กลัวท่าน”

คารม งูเห่า อภิปรายไม่ไว้วางใจ สภา ก้าวไกล18-4DB2-A242-3ECC5009A6E1.jpegอมรัตน์

ต่อมา วิโรจน์  กล่าวต่อว่า สำหรับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เดือน มิ.ย.รัฐบาลได้รับการส่งมอบ 5,130,000 โดส ต่ำกว่าแผนที่ต้องได้รับอยู่ที่ 6,333,000 โดส ถึง 1,200,000 โดส นั่นหมายถึงจำนวนชีวิตของประชาชนที่ต้องสูญเสียโอกาสในการปกป้องชีวิตของตนเอง และคนที่เขารัก จนทำให้หลายคนต้องติดหลายคนต้องตาย เพราะถูกเลื่อนฉีดวัคซีน

วิโรจน์ กล่าวว่า ต่อมาเดือน ก.ค. ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ได้เปิดเผยว่าวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า มีความสามารถในการจัดส่งวัคซีนให้ประเทศไทยได้แค่เดือนละ 5 ล้านโดสเท่านั้น เพราะในสัญญาไม่ได้ระบุว่า จะต้องส่งมอบเดือนละเท่าไหร่ ทั้งที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลโหมประชาสัมพันธ์แผนการส่งมอบวัคซีนทุกช่องทาง

สัญญาที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไปทำเอาไว้นั้น ไม่ได้มีการระบุประมาณการส่งมอบในแต่ละเดือนเอาไว้จริงๆ ซึ่งต้องถามว่าไปทำสัญญาแบบหละหลวมเช่นนี้ได้อย่างไร ขณะที่ สาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ได้ออกมาให้สัมภาษว่าการส่งมอบวัคซีน 61 ล้านโดสดังกล่าว ได้ขยายกรอบเวลาไปที่เดือน พ.ค.2565 เพราะตัวสัญญาไม่ได้ระบุว่าต้องส่งมอบทั้งหมดภายในปีนี้

วิโรจน์ เล่าย้อนกลับไป วันที่ 25 ส.ค. 2563  พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจอนุมัติงบกลางวงเงิน 600 ล้านบาท อุดหนุนบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ โดยรู้อยู่แก่ใจตั้งแต่แรกแล้วว่า รัฐบาลไม่สามารถจำกัดการส่งออกของเอกชนภายในประเทศได้ ขณะที่ อนุทิน ได้รับลูกต่อ โดยการลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงทำข้อตกลงให้แอสตร้าเซนเนก้าสามารถส่งออกได้ จึงไม่แปลกที่ทั้ง 2 คนจะกระอักกระอ่วน เมื่อถูกถึงการส่งออกวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมา วิโรจน์ เริ่มอภิปรายถึงวัคซีนซิโนแวค แต่ ศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ประท้วงว่า เป็นการอภิปรายซ้ำกับผู้อื่น โดยมีหลายคนอภิปรายไปมากแล้ว นอกจากนี้ประชาชนยังมีฉีดวัคซีนซิโนแวคจำนวนมากแล้ว อาจมีผลกระทบต่อภาครัฐที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างหนัก และเป็นผลกระทบต่อประเทศโดยรวมในเวลานี้ด้วย

ขณะที่ กรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ ประท้วงว่า การอภิปรายจะเสียดสีใส่ร้ายกันไม่ได้ ตนไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใดทั้งสิ้น ขอให้อยู่ในวาระการอภิปรายว่า พล.อ.ประยุทธ์โกงอย่างไร อนุทินทำผิดจริยธรรมอย่างไร บอกมา เอาใบเสร็จมา ตนยอมลาออกจาก ส.ส.

วิโรจน์ อภิปรายต่อว่า สิ่งที่อยู่ในความต้องการของ พล.อ.ประยุทธ์ คือไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ประชาชนจะเป็นจะตายอย่างไร แต่จะมีวัคซีนยี่ห้อใดมาตัดหน้าวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าไม่ได้ ทั้งนี้ เพื่อหมั้นหมายจะสร้างความนิยมให้กับตัวเอง โดยไม่ได้คำนึงถึงชีวิตของประชาชน ในใจคิดแต่จะเอาวัคซีนมาสร้างความนิยมทางการเมืองลูกเดียว

และอยากให้รัฐบาลช่วยยอมรับว่าการฉีดวัคซีนแบบไขว้นั้น เพราะวัคซีนซิโนแวคไม่สามารถรับมือกับสายพันธุ์เดลต้าได้ จึงต้องเอาชีวิตประชาชนมาฉีดไขว้ แม้องค์กรการแพทย์จะขอให้เลิกสั่งซื้อซิโนแวค แต่ก็ยังสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง เพราะวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า มาไม่ตรงตามแผน ไม่พอ จึงต้องสั่งซื้อมาฉีดให้ประชาชนแบบไม่มีทางเลือก ไม่มีใครด้อยค่าวัคซีนซิโนแวค มีแต่รัฐบาลที่ด้อยค่าสติปัญญาของประชาชน

กรุงศรีวิไล พลังประชารัฐ อภิปรายไม่ไว้วางใจ สภา  B14-4E70-A76A-3E7400E81B69.jpegคารม งูเห่า อภิปรายไม่ไว้วางใจ สภา ก้าวไกล18-4DB2-A242-3ECC5009A6E1.jpegวิโรจน์ อภิปรายไม่ไว้วางใจ สภา ก้าวไกล 1-8C6A-F8D6F9932D49.jpeg

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนั้น วิโรจน์ได้ถูก ส.ส.ที่เคยสังกัดพรรคอนาคตใหม่ ประท้วงอย่างต่อเนื่อง โดย วิรัช พันธุมะผล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ที่อภิปรายด้วยถ้อยคำใส่ร้ายผู้อื่นตลอดเวลา ขณะที่ คารม ก็ประท้วงอีกครั้งว่า วิโรจน์ ที่พูดพาดพิงว่า งูชุม

ทั้งนี้ คารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ประท้วง โดยบอกว่า “ผมเป็น ส.ส.จะบอกว่างูเห่าก็พูดมาเลย ผมเป็น ส.ส.ที่มีจิตสำนึกต่อบ้านเมือง รักษาประโยชน์ของประชาชน”

ทำให้ สุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ คนที่1 ในฐานะประธานการประชุมขอให้วิโรจน์ ถอนคำพูดโดยระบุว่า "สภาฯไม่มีงูหรอกครับ"

โดย วิโรจน์ กล่าวว่า "วันนี้งูชุมจริงๆ" และระบุว่า ขอกำมะถันมาไล่งูด้วย

ด้าน อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรก้าวไกล ลุกขึ้นพูดว่า คารม ไม่ได้แนะนำตัวว่าอยู่พรรคใดแนะนำเพียงชื่อและนามสกุล แต่ไม่บอกว่าอยู่พรรคใด จึงไม่ทราบว่าอยู่พรรคใด และนั่งอยู่ในพรรคใด

ก้าวไกล

วิโรจน์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ และ อนุทิน มีความพยายามออกกฏหมายเพื่อนิรโทษกรรมให้กับคณะบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการวัคซีนทั้งหมด นอกจากนี้ยังนิรโทษกรรมล่วงหน้าไปถึงฝ่ายนโยบายทั้งหมด ให้ไม่มีผลจากความรับผิดทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นทางอาญาและทางวินัย แม้ภายหลังจะมีการถอนร่างกฎหมายดังกล่าวออกไปแล้ว แต่ยังต้องติดตามในการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติโรคติดต่อ ต่อไป

ในท้วงท้าย วิโรจน์ กล่าวว่า “ผมมีลูกสาวของผมคนหนึ่ง อายุ 7 ขวบ เรียนอยู่ ป.1 เมื่อวานนี้ผมเห็นชื่อของเขาอยู่ในเพาเวอร์พอยท์ ถึงขั้นตามเด็ก ป.1 แล้วหรือ ถ้าอยากจะตาม ไปตามพ่อผม รุ่นพ่อผมรอท่านประยุทธ์อยู่นานแล้ว แต่ที่สุดแล้วเขาทั้ง 2 คนคงไม่ลาออกแน่ ให้เขาลาออกจากความเป็นคนยังง่ายกว่า  แต่ปลายทางของทั้งสองนั้นคือนรกโลกันตร์ แต่ก่อนหน้านั้นประชาชนอยากเห็นทั้งสองคนอยู่ในคุกในตาราง

ศุภชัย  ประท้วงว่า ใช้ถ้อยคำเกินกว่าที่ ส.ส.จะใช้กัน โดยใช้ถ้อยคำที่รุนแรง สิ่งที่เราจะต้องอธิบายให้ประชาชนรับรู้ต้องอยู่บนพื้นฐานของความสุภาพ และจะทำให้ประชาชนตื่นตระหนก สร้างความปั่นป่วน

วิโรจน์ กล่าวว่า ศุภชัยก็มีลูก ถ้าเกิดมีลูกของท่านไปปรากฏในเพาเวอร์พอยท์ ก็คงจะรู้สึกแบบตนน คนที่ทำแบบนี้ต้องทบทวนตัวเอง อย่าทำแบบนั้นเลย อย่าทำแบบนี้กับใคร มันเป็นพฤติกรรมที่เลวร้ายที่สุด

ศุภชัย กล่าวว่า เมื่อสาม 3-4 ปีที่แล้ว ตนก็โดน กอ.รมน.ตาม ผมสู้มาก่อนคุณเยอะแล้ว 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง