เวลา 21.00 น. วันที่ 31 ส.ค. 2564 ที่รัฐสภา อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ชี้แจงอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านเกี่ยวกับการจัดซื้อวัคซีนซิโนแวค โดยยืนยันอีกครั้งว่าวัคซีนซิโนแวคเป็นวัคซีนที่ดี มีมาตรฐาน มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล เพียงแต่เมื่อมีการกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์เดลต้า ประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อนั้นลดลงไปบ้าง เช่นเดียวกับวัคซีนยี่ห้ออื่นๆที่มีประสิทธิผลลดลงไม่น้อยกว่ากันเท่าไหร่
อนุทิน ยังอธิบายเหตุผลที่ต้องซื้อวัคซีนซิโนแวคว่า เกิดจากการระบาดในช่วงเดือน ธ.ค.2563 ในคลัสเตอร์สมุทรสาคร โดยวัคซีนซิโนแวคเป็นวัคซีนที่สามารถส่งให้เราได้เร็วที่สุด มีการเจรจาขึ้นตั้งแต่ปลายเดือน ธ.ค. 2563 และส่งให้ไทยในเดือน ก.พ.2564
“การพูดถึงซิโนแวคก็เหมือนการพูดถึงประเทศจีน เราจะบอกว่าของพี่ของน้องเราไม่ดี เป็นของเซินเจิ้น เกรดดีด๊อก ไม่ได้หรอกครับ เราทุกคนในที่นี้ที่อายุต่ำกว่า 60 ปี ก็มีวัคซีนซิโนแวคอยู่ในร่างกาย ที่เรายังไม่มีอาการรุนแรง บางคนติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ ก็เพราะอานิสงส์ของการมีวัคซีนซิโนแวคอยู่ในร่างกายของเรา”
อนุทิน กล่าวว่า สำหรับการซื้อวัคซีนซิโนแวค ที่พรรคฝ่ายค้านกล่าวหาว่ามีการซื้อแพงมากถึงโดสละ 17 เหรียญ ขออธิบายว่า ราคานั้นเป็นการซื้อครั้งแรกและซื้อเพียง 2 ล้านโดส เพื่อนำมาใช้ในกรณีฉุกเฉิน
“ทั้งนี้ เมื่อถึงเดือน เม.ย.มีการระบาดของโรคโควิดในประเทศไทยขึ้นมาอีกจากคลัสเตอร์ทองหล่อ และบ่อนการพนัน ซึ่งในสัญญาการสั่งจองแอสตร้าเซนเนก้านั้นจะมาในเดือน มิ.ย. ควบคุมโรคจึงสั่งซื้อวัคซีนซิโนแวคเพิ่ม กระทั่งมีการซื้อจนถึงปัจจุบัน โดยราคาก็ลดลงมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีปัจจัยของการลด เช่น จำนวนที่สั่งซื้อ เวลาในการสั่งซื้อ และคู่แข่งของบริษัทวัคซีนที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก”
อนุทิน แจ้งว่า ปัจจุบันเราซื้อวัคซีนซิโนแวคอยู่ที่ราคาโดสละ 8.9 เหรียญ จนถึงปัจจุบันประเทศไทยมีวัคซีนซิโนแวค 30,492,000 โดส
“ถ้ามันแพงกว่านี้แล้วมีความจำเป็นต้องใช้ ก็ต้องจัดซื้อจัดหามาได้ แต่การจะซื้อทุกอย่างอยู่บนหลักของความโปร่งใสอธิบายให้กับประชาชนได้”
รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า แต่เนื่องจากซิโนแวค ไม่มีตัวแทนในประเทศไทย จึงแต่งตั้งให้องค์การเภสัชกรรม เป็นตัวแทนเพื่อยื่นขอขึ้นทะเบียนกับองค์การอาหารและยา(อย.) จนสามารถจัดหาวัคซีนซิโนแวคเข้ามา ซึ่งเป็นตัวเริ่มที่ทำให้ประชาชนคนไทยมีภูมิคุ้มกันในร่างกาย ทำให้กรมควบคุมโรคสามารถประคองสถานการณ์ต่อเนื่องมาจนถึงวันที่วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้ามาถึง
รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ตอนที่สายพันธุ์อัลฟ่าอย่างอาละวาดอยู่ วัคซีนซิโนแวค รับมือได้อย่างดี แต่พอเกิดสายพันธุ์เดลต้า จึงมีการฉีดแบบไขว้ โดยการมาของวัคซีนแบบไขว้นั้น ไม่ได้ฟลุก แต่คณะวิชาการทางการแพทย์ ได้คิดมานานแล้ว เพียงแต่กระทรวงสาธารณสุข ขอให้ชะลอไว้ก่อน เพื่อให้เกิดความมั่นใจให้มากที่สุด
อนุทิน ระบุว่า "การมาของวัคซีนไขว้ไม่ได้ฟลุคครับ คณะกรรมการวิชากาารทางการแพทย์ได้คิดมาตั้งนานแล้ว กระทรวงสาธารณสุขให้ชะลอไปก่อนให้ทดสอบให้เกินความมั่นใจ วัคซีนทุกฉีดจะฉีด 2 โดส จะไขว้หรือไม่ไขว้เรามีคณะกรรมการวิชาการทางงการแพทย์ร่วมประชุม"
“ส่วนที่เกิดคำถามว่าก่อนหน้านั้น ซิโนแวคยังไม่มีการรับรองจากองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ขอกราบเรียนว่าในประเทศไทยเรายึด อย. เป็นหลัก ถ้า อย.อนุมัติ ก็แสดงว่าเวชภัณฑ์ทั้งหลายทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นยา เครื่องมือแพทย์ อาหาร ถือว่านำมาใช้ได้”
การันตีส้ินปีมีวัคซีน 140 ล้านโดสลุยฉีด 70 ล้านคนแน่
อนุทิน กล่าวว่า สำหรับการจัดซื้อวัคซีน mRNA รัฐบาลได้จัดหาวัคซีนไฟเซอร์แล้ว 30 ล้านโดส ปีหน้าอีก 50 ล้านโดส วัคซีนโมเดอร์นา 5 ล้านโดส ดังนั้น ประเทศไทยวันนี้จึงมีทั้งวัคซีนซิโนแวค แอสตร้าเซนเนก้า ไฟเซอร์ โมเดอร์นา ชิโนฟาร์ม ครบทุกตระกูล
“ประเทศไทยเราไม่ได้ขาดวัคซีน สิ้นปีนี้เราจะมีวัคซีนทั้งหมด 140 ล้านโดส หารสองฉีดได้ประมาณ 70 ล้านคน หรือประมาณ 90% ของประชากร ส่วนผู้ที่ฉีดซิโนแวคไปแล้ว 2 เข็ม ไม่ต้องกังวนนะครับ สิ้นเดือนนี้จะได้ฉีดบูสเตอร์โดส จะเป็นแอสตร้าเซนเนก้าหรือไฟเซอร์แน่นอน รัฐบาลไม่เคยทอดทิ้ง ต้องการให้ประชาชนมีความปลอดภัยจากโควิด”
อนุทิน กล่าวว่า นอกจากนี้ คนไทยไม่ต้องกังวลแล้วว่าปีหน้าเราจะขาดวัคซีน เพราะเราคอนเฟิร์มกับไฟเซอร์แล้ว 50 ล้านโดส โมเดอร์นา 30 ล้านโดส แอสตร้าเซนเนก้า 60 ล้านโดส และเขายังจะใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตต่อไป
"ดังนั้นความมั่นคงทางวัคซีน การเข้าถึงวัคซีน คนไทยทุกคนจะมีวัคซีนเต็มแขนครับ เพราะทุกวันนี้ก็ 30 กว่าล้านโดส จะไม่เต็มแขนได้ยังไง ผมก็พูดมาแล้วว่าตั้งแต่ไตรมาส 3 เป็นต้นไป วันนี้วันที่ 31 ส.ค.ยังอยู่ในไตรมาส 3 จากวันนี้ไปจนถึงสิ้นปี ถ้าคนไทยได้รับวัคซีน 120 ล้านโดส ก็เต็มแขน ผมไม่ได้พูดผิดตรงไหนเลย ปีหน้าก็ยังมีวัคซีนมาบูสให้เราทุกคน”
อนุทิน ยังกล่าวถึงกระบวนการจัดซื้อชุดตรวจ ATK โดยยืนยันว่าไม่มีการกระทำที่ส่อไปในทางทุจริต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เรื่องการทุจริตไม่มีในกระทรวงนี้ มีแต่เรื่องที่ขาว มีแต่เรื่องการช่วยเหลือประชาชน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง