เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เรื่อง คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ว่าด้วย บริษัท บริหารสินทรัพย์ มหานคร จำกัด ได้ยื่นฟ้องต่อศาลล้มละลายกลางขอให้จำเลยทั้งสองล้มละลาย และศาลได้มีคำสั่งลงวันที่ 9 สิงหาคม 2561 ให้พิทักษ์ทรัพย์ของ นางเสาวนีย์ คำสิงห์ จำเลยที่ 1 นายสมรักษ์ คำสิงห์ จำเลยที่ 2 เด็ดขาด ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 แล้ว

ดังนั้น นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่ง เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียว มีอำนาจจัดการเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สินของจำเลย

ในประกาศดังกล่าวยังระบุด้วยว่า เจ้าหนี้ซึ่งจะขอรับชำระหนี้ในคดีนี้ จะเป็นโจทก์หรือไม่ก็ตาม ต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่ฝ่ายคำคู่ความ สำนักงานเลขานุการกรม กรมบังคับคดี หรือ สำนักงานบังคับคดีซึ่งจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ ภายในกำหนดเวลา 2 เดือน นับแต่วันที่โฆษณาคำสั่งนี้

เว็บไซต์ข่าวสด ได้สัมภาษณ์สมรักษ์ โดยเจ้าตัวระบุว่า ได้รับหมายศาลแล้ว ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง แต่ไม่ต้องเป็นห่วง ครอบครัวยังมีความเป็นอยู่สุขสบายดี และพร้อมยืนหยัดสู้ชีวิตต่อไป

สำหรับ เรื่องนี้เป็นคดีเก่าที่ค้างคามาหลายสิบปีแล้วตั้งแต่สมัยยังชกมวยรับใช้ชาติ โดยตอนนั้นเปิดธุรกิจปั๊มน้ำมันให้พ่อตาแม่ยายที่ จ.ชัยภูมิ แต่พอกิจการไปไม่รอดจึงขาดทุนกลายเป็นหนี้สินรุงรัง และด้วยความที่ไม่ค่อยรู้เรื่องเอกสารทำให้บานปลายกลายเป็นหนี้ประมาณ 4 ล้านบาท

"ตอนนี้ไม่อยากพูดอะไรมาก ยืนยันว่ายังมีความสุขดี เพราะยังมีผู้ใหญ่ที่เคารพยินดีให้ความช่วยเหลือยืนยันว่าถึงจะถูกฟ้องล้มละลาย แต่ก็เป็นหนี้สินเฉพาะตัว ทุกวันนี้ลูกสาวกับลูกชายโตแล้วมีงานทำมีรายได้ในวงการบันเทิงเดือนละแสนกว่าบาท ทั้งส่วนตัวยังพอมีงานละครและงานกิจกรรมต่างๆ ซึ่งสามารถเลี้ยงดูตัวเองได้แน่" สมรักษ์ กล่าว

ด้านนายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และโฆษกกระทรวงยุติธรรม ได้โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวว่า เมื่อสมรักษ์ คำสิงห์ได้รับคำสั่งศาลให้เป็นบุคคลล้มละลาย หากปัจจุบันรับราชการทหารเรือ จะทำให้เป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติทั่วไปและมีลักษณะต้องห้ามของการรับราชการทหารเรือ ดังนั้นกองทัพเรือต้องมีคำสั่งให้ออกราชการต่อไป