ประเด็นเกี่ยวกับเชื้อชาติถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยอย่างมากในวงการกีฬาฝั่งยุโรป ทั้งกรณีฝรั่งเศสสามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก โดยที่มีผู้เล่นส่วนมากพื้นเพมาจากผู้อพยพ และกรณีที่ พรรคฝ่ายขวาของเยอรมนีออกมาวิจารณ์ทีมชาติเยอรมัน ว่าแทบจะไม่มี ‘คนเยอรมันแท้’ แต่เต็มไปด้วยลูกหลานผู้อพยพต่างเชื้อชาติ ตามมาด้วยเมซุต โอซิล กองกลางชาติเยอรมนี ประกาศอำลาทีมชาติโดยอ้างว่าเนื่องจากเขาถูกเหยียดเชื้อชาติ
เรื่องการเหยียดเชื้อชาติและสีผิวเป็นสิ่งที่อยู่คู่กันวงการกีฬามาตลอด ที่ดูเหมือนจะค่อยๆ หายไปบ้าง แต่หลังจากมีวิกฤตผู้ลี้ภัยระลอกใหม่ ที่ว่ากันว่าเป็นการปลุกกระแสฝ่ายขวายุโรปกลับมา เรื่องผู้อพยพและเชื้อชาติก็ถูกหยิบมาพูดถึงอีกครั้ง
ข้ามมาที่ฝั่งอเมริกา ตามธรรมเนียมของวงการกีฬาสหรัฐฯ ที่ทีมแชมป์ของแต่ละกีฬาประเภทหลักๆ อย่าง บาสเกตบอล อเมริกันฟุตบอล เบสบอล ฮ๊อคกี้ จะได้รับเชิญเข้าเยี่ยมชมทำเนียบขาว พบปะพูดคุยกับประธานาธิบดี แต่เป็น 2 ปีแล้วที่ไม่มีทีมแชมป์บาสเกตบอล NBA เข้าไปเยี่ยมทำเนียบขาว
ในลีก NBA ของสหรัฐฯ ที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘Black man’s game’ กีฬาของคนผิวสีที่ครองความเป็นใหญ่ ผู้เล่น มากกว่าร้อยละ 70 เป็นชาวอเมริกันแอฟริกัน การเข้ามาของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯที่มีนโยบายออกไปทางอนุรักษ์นิยมกีดกันทางเชื้อชาติ จึงทำให้เกิดแรงต้านจากดาวดังใน NBA หลายคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์อย่างรุนแรง
อีกฝั่งหนึ่งในศึกอเมริกันฟุตบอล NFL ก่อเกิดเหตุเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันในปี 2016 เมื่อ กล้องจับภาพโคลิน เคเปอร์นิก หรือ ‘แคพ’ ควอเตอร์แบ๊ค ผิวสี ทีม San Francisco 49ers ไม่ยอมยืนเคารพเพลงชาติสหรัฐฯ โดยคุกเข่าลงระหว่างการบรรเลงเพลง ในนัดก่อนเปิดฤดูกาล ซึ่งเขายอมรับว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำแบบนี้แต่แค่ไม่มีคนสังเกตเห็น โดยแคพอธิบายว่าเขาต้องการประท้วงการสังหารคนผิวสีอย่างไม่เป็นธรรมของเจ้าหน้าที่รัฐ
แม้ว่าจะไม่มีกฎข้อใดของ NFL บังคับให้ผู้เล่นทุกคนต้องเคารพเพลงชาติ แต่การกระทำของแคพก็ถูกหลายฝ่ายโจมตีว่าเป็นการไม่ให้เกียรติการแข่งขัน จนมีกระแสต่อต้านแคพออกมา แต่อย่างไรในการแข่งขันเกมต่อมาก็มีผู้เล่นอีกหลายคน ที่ร่วมปฏิเสธการเคารพธงชาติพร้อมกับแคพ จนลามไปจนถึงในกีฬาประเภทอื่นๆ อย่างเบสบอลที่แสดงจุดยืนสนับสนุนด้วยการปฎิเสธการเคารพเพลงชาติ
ทรัมป์ได้กล่าวถึงเรื่องการประท้วงของผู้เล่น NFL ในการปราศรัยที่รัฐอลาบาม่า โดยใช้คำหยาบคาย ว่า “Get that son of a bitch off the field” พร้อมเรียกร้องให้เจ้าของทีมไล่ผู้เล่นเหล่านั้นออกจากทีม
จากเหตุการณ์ใน NFL ทำให้ผู้เล่นทีม Golden State Warrior แชมป์ NBA ประจำปี 2016 ออกมาโต้กลับคำพูดของทรัมป์ โดยแสดงความไม่ต้องการ ที่จะเข้าพบทรัมป์ที่ธรรมเนียบขาว อย่างเช่น เดวิด เวสต์, สตีเฟน เคอร์รี และ เควิน ดูแรนต์ แม้แต่ สตีฟ เคอร์ ยอดเฮดโค้ชของทีม ที่พ่อแท้ๆ ของเขาถูกกลุ่มอิสลามหัวรุนแรงสังหาร ยังให้สัมภาษณ์ว่าเขาไม่อยากไปทำเนียบขาวเพื่อพบกับทรัมป์
ทั้งนี้ก่อนหน้าทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่ง ผู้เล่นหลายคนของทีมโดยเฉพาะสตีเฟน เคอร์รี ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ต่อต้าน ทรัมป์เป็นไม้เบื่อกันอยู่แล้ว แม้จะไม่มีประกาศจากทางทีมอย่างเป็นทางการเรื่องว่าจะเข้าไปทำเนียบขาวหรือไม่ แต่ ทรัมป์ได้ประกาศว่าเขาทำการ ถอนคำเชิญให้เข้าเยือนธรรมเนียบขาวของทีมแชมป์ ส่วนทางทีม Golden State Warrior ในเวลาต่อมาก็ได้ออกแถลงการณ์ว่าถึงแม้จะไม่ได้เข้าไปทำเนียบขาวแต่พวกจะเดินทางไปฉลองแชมป์ในวอชิงตัน ดีซีเมืองหลวงอย่างแน่นอน “เพื่อฉลองให้แก่ความเท่าเทียม,ความหลากหลายและการรวมเป็นหนึ่ง ซึ่งเป็นคุณค่าที่รวมให้เราเป็นองค์กรเดียวกัน”
เดือน ก.พ. 2018 ที่ผ่านซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เคยกำหนดให้พวกเขาต้องเข้าพบทรัมป์ แต่ผู้เล่นของ Golden State Warrior กลับตอกหน้าทรัมป์ด้วยการทำกิจกรรมฉลองแชมป์ที่ดีซีด้วยการพาเด็กนักเรียนในพื้นที่เข้าเยี่ยมชม the National Museum of African American History and Culture พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมประวัติศาสตร์ความเป็นมาของชาวแอฟริกัน-อเมริกัน แห่งใหญ่ที่สุดซึ่งตั้งอยู่ห่างจากทำเนียบขาวเพียง 8 ไมล์
ล่าสุด Golden State Warrior กลับมาคว้าแชมป์ NBA อีกครั้งเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ก่อนการแข่งเกมรอบไฟนอล เกมที่ 3 กับ Cleveland cavaliers ผู้เล่นทาง 2 ทีมคือเลบรอน เจมส์ สตีเฟน เคอร์รี ให้สัมภาษณ์สื่อว่า ไม่ว่าทีมไหนจะได้แชมป์ NBA ก็จะไม่มีการไปเยือนทำเนียบขาว