หลังจากการฉายรอบสุดท้ายเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (23 กุมภาพันธ์ 2019) โมริส ลาโรช (Maurice Laroche) ยังคงปักหลังอยู่ ณ โรงฉาย เพื่อขายฟิล์มหนัง โปสเตอร์ เก้าอี้ และสิ่งที่เหลืออยู่ทั้งหมด
“ผมขายทุกอย่างเลย ยกเว้นตัวเอง” ลาโรชบอกสำนักข่าวเอเอฟพี ขณะที่กลุ่มคนจำนวนหนึ่งกำลังคุ้ยค้นกล่องเก็บม้วนฟิล์ม บ้างก็พยายามจะฝ่าคนออกไปพร้อมด้วยเครื่องเสียงขนาดใหญ่ โดยมีผู้หญิงที่ให้ความสนใจเพียงหนึ่งในสามของคนที่เดินผ่านไปมาหน้าโรงภาพยนตร์ในซอยแคบนี้ เมื่อมีการเปิดการขายในวันอาทิตย์
ลาโลช ผู้ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการดูแลเบเวอร์ลีย์มาตั้งแต่ปี 1983 ก่อนจะซื้อโรงภาพยนตร์มาเป็นเจ้าของเองในอีก 10 ปีให้หลัง กล่าวว่า ในวัย 75 ปีนี้ พร้อมแล้วที่จะเกษียณไปอยู่เมืองตากอากาศติดทะเลอย่างรัวยอง (Royon) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส
ผู้ชมหน้าเก่าของโรงภาพยนตร์เริงใจแห่งนี้เริ่มลดลงเพราะอายุที่มากขึ้น เมื่อไม่นานนี้เขามียอดจำหน่ายตั๋วใบละ 12 ยูโร (ประมาณ 426 บาท) ไม่ถึง 500 ใบต่อสัปดาห์ เรียกได้ว่าน้อยลงอย่างน่าใจหายเมื่อเทียบกับยอดเมื่อ 20 กว่าปีก่อนที่ขายได้ถึง 1,500 ใบต่อสัปดาห์
“ที่นี่เป็นสถานที่ที่คุณมั่นใจได้ว่าจะไม่ปล่อยให้เยาวชนดูหนังโป๊ แต่มาทุกวันนี้พวกเขาดูผ่านโทรศัพท์มือถือกันแล้ว” ลาโรช กล่าว
พื้นที่ตรงนี้ถูกซื้อไปแล้ว โดยผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายหนึ่ง คาดว่าคงมีแผนจะเปลี่ยนมันเป็นบางอย่างที่เข้าคู่กับโรงแรมหรู และบาร์อาหารเม็กซิกันในถนน ซึ่งตั้งอยู่ ณ มุมเมืองที่เจริญตามรสนิยมแบบชนชั้นกลางกรุงปารีส
จากข้อมูลของสภาภาพยนตร์แห่งชาติฝรั่งเศส คงเหลือเพียงโรงภาพยนตร์ว็อกซ์ (Vox) แห่งเมืองเกรอนอเบิล (Grenoble) เท่านั้น ที่เป็นโรงภาพยนตร์เรตเอ็กซ์แห่งสุดท้ายในฝรั่งเศส แม้ว่าจะไม่มีใครที่นั่นรับสายโทรศัพท์ เมื่อทางเอเอฟพีโทรไปในวันจันทร์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนสภาภาพยนตร์จะไม่ได้นับรวมร้านเซ็กซ์ช็อปที่ฉายหนังในปิกัล (Pigalle) ย่านเริงโลกีย์แห่งกรุงปารีส ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า ไม่ได้มีกิจกรรมการฉายหนังเพียงอย่างเดียว
ลาโรชทิ้งท้ายว่า เขาจะเก็บความทรงจำทั้งหมดพร้อมกับเก้าอี้ไวนิลสีแดงสองตัวไปยังอพาร์ตเมนต์แห่งใหม่ของเขาด้วย