ช่วงประมาณปี 1960 -1980 อันวาร์เป็นแกนนำกลุ่มเยาวชนนักเคลื่อนไหวคนสำคัญของฝ่ายอิสลามิก จนกระทั่งปี 1982 เขาประกาศตัวเป็นสมาชิกพรรคอัมโนและบาริซาน เนชันนัล (BN) เขาเป็นนักการเมืองที่โดดเด่น ทำให้มหาเธร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีขณะนั้นแต่งตั้งให้เขานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีที่สำคัญๆ ในเวลาอันรวดเร็ว
จนกระทั่งปี 1993 อันวาร์ได้ขึ้นมานั่งเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรี ควบกับเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในรัฐบาลของมหาเธร์ ทำให้เขาเป็นนักการเมืองดาวรุ่งที่คนคาดว่าจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีมาเลเซียต่อจากมหาเธร์
ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มย่ำแย่ลงเมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งในเอเชียเมื่อปี 1997 ซึ่งกระทบกับเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงมาเลเซีย อันวาร์ต้องการควบคุมและตัดลดการใช้จ่ายของรัฐบาล แต่มหาเธร์ต้องการให้รัฐบาลใช้จ่ายอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ทั้งคู่ไม่สามารถตกลงกันได้ ทำให้มหาเธร์ตั้งคณะที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ โดยที่ไม่มีอันวาร์
อันวาร์รู้สึกไม่พอใจมหาเธร์อย่างมาก จึงประกาศในที่ประชุมพรรคประจำปี 1998 ให้ปฏิรูปพรรคและปฏิรูปเศรษฐกิจประเทศ และอาสาที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศต่อจากมหาเธร์ ทำให้มหาเธร์ปลดอันวาร์ออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีในอีกไม่กี่เดือนต่อมา
อันวาร์ได้นำการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลของมหาเธร์ และเรียกร้องให้มหาเธร์ลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งในช่วงที่อันวาร์นำการชุมนุม ก็มีข่าวลือเผยแพร่ออกมาอย่างกว้างขวางว่าอันวาร์เป็นกลุ่มรักเพศเดียวกัน จนปี 1999 อันวาร์ถูกจำคุกครั้งแรก หลังถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาคอร์รัปชันและมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก โดยมีการนำฟูกเปื้อนอสุจิที่อ้างว่าเป็นของอันวาร์มาเป็นหลักฐานเอาผิดเขา ซึ่งทำให้รัฐบาลของมหาเธร์ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่ากลั่นแกล้งคู่แข่งทางการเมือง
ในระหว่างที่อันวาร์ถูกจำคุก วัน อาซิซะห์ วัน อิสมาอิล ภรรยาของอันวาร์ได้ตั้งมูลนิธิและพรรคการเมือง เพื่อต่อสู้ให้อันวาร์ นอกจากนี้ เธอยังลงสมัคร ส.ส.แทนอันวาร์ด้วย จนปี 2004 อันวาร์ได้รับการปล่อยตัวก่อนครบกำหนด 9 ปี เนื่องจากมีการกลับคำตัดสินคดีดังกล่าว แต่เขาก็ยังถูกตัดสิทธิทางการเมืองอยู่
หลังการเลือกตั้งปี 2008 ได้เพียง 1 เดือนก็ครบกำหนดยกเลิกการตัดสิทธิทางการเมืองของอันวาร์ เขาเดินหน้าหาเสียงต่อ ในช่วงเวลาเดียวกัน อันวาร์ก็ถูกกล่าวหาว่ามีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักกับผู้ช่วยชายของเขา ซึ่งศาลชั้นต้นตัดสินว่าเขาไม่มีความผิด
ในการเลือกตั้งปี 2013 พรรคของเขาก็สามารถคว้าเก้าอี้ในสภามาได้จำนวนมาก แม้จะยังไม่สามารถครองเสียงข้างมากได้ แต่ก็ถือเป็นภัยคุกคามที่พรรค BN ของนาจิบ ราซัก นายกรัฐมนตรีมาเลเซียในขณะนั้น อีกทั้งยังมีแนวโน้มสูงมากว่าอันวาร์อาจชนะการเลือกตั้งครั้งต่อไป แต่ในปี 2014 ศาลอุทธรณ์ได้กลับคำตัดสินให้จำคุก 5 ปี เขาจึงต้องกลับเข้าไปในเรือนจำในปี 2015
ด้านมหาเธร์ก็ไม่ค่อยพอใจผลงานของทายาททางการเมืองอย่างอับดุลลาห์ อาหมัด บาดาวี และนาจิบ ราซักเท่าไหร่นัก แต่นาจิบก็ยังดึงดันไม่ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แม้เขาจะถูกกดดันทั้งจากประชาชนและมหาเธร์เอง
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา มหาเธร์ได้ประกาศว่าจะลงเลือกตั้งโดยหันมาจับมือกับพรรคปากาตัน ฮารัปปัน ร่วมสู้ศึกเลือกตั้งจนสามารถโค่นล้มนาจิบ ราซัก ที่มีข่าวฉาวคอร์รัปชันในกองทุน 1MDB และไม่สามารถแก้ไขปัญหาค่าครองชีพสูงได้ สิ้นสุดยุคที่พรรค BN ปกครองประเทศกว่า 62 ปีนับตั้งแต่มาเลเซียประกาศเอกราชออกจากอังกฤษ
มหาเธร์สัญญาว่าจะขอพระราชทานอภัยโทษให้อันวาร์ ลบล้างกฎหมายปราบปรามข่าวปลอมที่จำกัดเสรีภาพประชาชน ตรวจสอบคดีคอร์รัปชัน 1MDB และที่สำคัญที่สุดคือ เขาจะมอบเก้าอี้นายกรัฐมนตรีให้อันวาร์นั่งต่อ หลังจากที่เขาอยู่ในตำแหน่งได้ 2 ปี
ที่มา: Channel News Asia, Free Malaysia Today, Malaysia News, Cilisos
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: