นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในฐานะประธานในการประชุมเตรียมการผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) จาก 64 แห่งทั่วโลก และผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ในวันนี้ (15 ต.ค. ) เป็นการประชุมเพื่อเจาะลึกสถานการณ์รายภูมิภาคกับทูตพาณิชย์ ประเมินวิกฤตและโอกาสทางการตลาดของพื้นที่ที่รับผิดชอบดูแล วิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยและให้จัดทำแผนการรับมือรวมถึงแผนผลักดันการส่งออกอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อผลักดันยอดส่งออกในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2561 พร้อมวางแผนการขับเคลื่อนการส่งออกรวมทั้งขยายการค้าและการลงทุนในปี 2562 ก่อนการประชุมใหญ่ในวันที่ 18 ตุลาคม 2561 โดยมีรองนายกรัฐมนตรี สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นประธาน
"ประเด็นสำคัญของวันนี้ คือให้ทูตพาณิชย์ทุกคนปรับ Mindset (วิธีคิด) การทำงาน โดยที่สำคัญคือการทำงานจะต้องเน้นผลลัพธ์ (Result Oriented) หากมีปัญหา/อุปสรรคขอให้รายงานมา พร้อมแนวทางและข้อเสนอแนะแก้ไข กระทรวงพร้อมที่จะช่วยผลักดันในระดับนโยบาย" นายสนธิรัตน์ กล่าว
พร้อมย้ำว่า แต่ละตลาดต้องมียุทธศาสตร์การเจาะตลาดที่เหมาะสมเป็นรายประเทศ มีเป้าหมายที่ชัดเจน และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่ต้องการผลักดันให้ไทยเป็น Trading Nation เน้นใช้การตลาดเป็นตัวนำ ให้สามารถเชื่อมโยงสู่ภาคการผลิตในประเทศได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคสินค้าเกษตร ซึ่งจะเป็นทางหนึ่งในการช่วยแก้ปัญหาสินค้าเกษตรอย่างยั่งยืน
สำหรับเรื่องสงครามการค้า ได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ติดตามและประเมินผลกระทบอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในมิติโอกาสทางการค้าที่จะเกิดขึ้นให้กับสินค้าไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มที่มีศักยภาพอยู่แล้ว และสามารถส่งออกไปทดแทนสินค้าที่ถูกกำแพงภาษีได้ อาทิ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์ยาง และสินค้าเกษตร
การประชุมในครั้งนี้ จะปรับเพิ่มบทบาทใหม่ของสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ในการทำงานเชิงรุกให้มากขึ้น เพื่อรองรับสถานการณ์ทางการค้าที่มีความผันผวนได้อย่างทันท่วงที และรูปแบบใหม่ของธุรกิจที่มีการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ รวมทั้งเพิ่มบทบาทในการจัดทำแผนส่งเสริมและขยายตลาดแก่ธุรกิจบริการไทยอย่างเป็นรูปธรรม นอกเหนือจากส่งเสริมการส่งออกสินค้า
โดยได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์เร่งประเมินโอกาสและจัดทำแผนงานผลักดันการขยายธุรกิจร้านอาหารไทยในต่างประเทศ เนื่องจากเป็นธุรกิจบริการที่มีศักยภาพของไทยที่สามารถเชื่อมโยงกับสินค้าและบริการอื่นๆ อีกมาก
นอกจากนั้น ยังได้มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ หรือ สคต. ทุกแห่งกระชับความสัมพันธ์กับผู้นำเข้าและนักธุรกิจรายสำคัญในประเทศเขตดูแลของตน เพื่อสร้างแนวร่วมในการส่งเสริมและแก้ไขปัญหาทางการค้า ตลอดจน สคต. ต้องบูรณาการการทำงานและเชื่อมโยงการทำงานกับระดับจังหวัด โดยมีสำนักงานพาณิชย์ 18 กลุ่มจังหวัดเป็นกลไกในภูมิภาค เพื่อสร้างโอาสทางธุรกิจการค้าระหว่างประเทศให้แก่เกษตกรรุ่นใหม่ ผู้ประกอบการท้องถิ่นที่เป็นรายย่อย (MSMEs) และผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ที่มีศักยภาพซึ่งกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญและมีเป้าหมายที่จะเร่งผลักดันการสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจฐานราก ภายใต้นโยบาย 'Local2Global'
ทั้งนี้ ในการประชุมทูตพาณิชย์ครั้งนี้ จะมีการประเมินแนวโน้มการส่งออกในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยมั่นใจว่าเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ที่ร้อยละ 8 ทำได้อย่างแน่นอน รวมถึงจะประเมินแนวโน้ม ทิศทาง และเป้าหมายการส่งออกปี 2562 ด้วย ซึ่งจะประเมินจากภาวะเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจคู่ค้าในปัจจุบัน ผลกระทบจากสงครามการค้า ราคาน้ำมัน และอัตราแลกเปลี่ยน โดยจะรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
สำหรับการส่งออกของไทยใน 8 เดือนแรก (ม.ค.-ส.ค. 2561) มีมูลค่า 169,030 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 10 ตลาดส่งออกสำคัญมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในทุกตลาด มีเพียงตะวันออกกลางเท่านั้นที่ลดลงเล็กน้อยที่ร้อยละ 2 เนื่องจาก ปัญหาความไม่สงบในภูมิภาค กระทรวงพาณิชย์มั่นใจว่า มูลค่าการส่งออกในปี 2561 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 255,565 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :