ไม่พบผลการค้นหา
'แอมเนสตี้' เดินหน้าฟ้องศาลปกครองกลาง กรณี กรณีอธิบดีกรมการปกครองใช้อำนาจไม่ชอบโดยกฎหมาย ออกคำสั่งไม่รับจดทะเบียนแต่งตั้ง 'เนติวิทย์' เป็นกรรมการ

จากกรณีที่ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนแต่งตั้งกรรมการชุดใหม่ เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 2561 กระทั่งวันที่ 9 พ.ย. 2561 นายทะเบียนสมาคมกรุงเทพมหานครมีคำสั่งไม่รับจดทะเบียน นายเนติวิย์ โชติภัทร์ไพศาล นิสิตคณะรัฐศาสตร์ และอดีตประธานสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นกรรมการสมาคมแอมเนสตี้ โดยให้เหตุผลว่า "มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม"

ต่อมาวันที่ 26 ก.ย. 2562 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เผยแพร่จดหมายชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีนายทะเบียนสมาคมกรุงเทพมหานคร (อธิบดีกรมการปกครอง) มีคำสั่งไม่รับจดทะเบียนแต่งตั้ง นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล เป็นกรรมการสมาคมแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย

โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2561 สำนักงานเขตจตุจักร มีหนังสือแจ้งว่า นายทะเบียนสมาคมกรุงเทพมหานคร ไม่อาจรับจดทะเบียนและออกใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนการแต่งตั้งกรรมการของสมาคมขึ้นใหม่ทั้งชุด โดยชี้แจงเหตุผลว่า นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล มีพฤติการณ์ไม่เหมาะสม หรือขัดต่อคุณสมบัติการเป็นกรรมการสมาคมฯ รวมถึงไม่รับจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการคนอื่นๆ อีก 3 ท่านที่นายทะเบียนไม่ได้โต้แย้งคุณสมบัติไว้ด้วย ต่อมาภายหลังสมาคมฯ ทำหนังสืออุทธรณ์กรณีดังกล่าว นายทะเบียนสมาคมกรุงเทพมหานคร จึงรับจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการคนอื่นไว้แล้ว เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2562

ต่อมาเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2561 ทางสมาคมฯ ได้อุทธรณ์คำสั่งไม่รับจดทะเบียนแต่งตั้งนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล เป็นกรรมการสมาคมฯ ต่อ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กระทั่ง กรมการปกครองมีหนังสือ ลงวันที่ 16 พ.ค. 2562 ชี้แจงเหตุผลเพิ่มเติมโดยอ้างว่า ได้รับข้อมูลจากกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ซึ่งเป็นหน่วยข่าวกรองความมั่นคงของรัฐว่า นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ถูกดำเนินคดีอาญาในข้อหา “ร่วมกันฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ข้อ 12” จำนวน 4 คดี ดังนั้นจึงพิจารณาเห็นว่า พฤติการณ์ของนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล อาจขัดกับการบริหารกิจการตามวัตถุประสงค์ของสมาคมที่ดี เป็นประโยชน์ต่อประชาชน และเป็นแนวทางที่เป็นตัวอย่างให้กับบุคคลและเยาวชนทั่วไป เป็นพฤติการณ์ที่ไม่เหมาะสม หรือขัดต่อคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งกรรมการสมาคมที่อาจกระทบต่อความสงบเรียบร้อย และความมั่นคงของประเทศ

กระทั่งเมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2562 สมาคมฯ ได้ทำหนังสือชี้แจงต่อนายทะเบียนสมาคมกรุงเทพมหานคร และยืนยันว่านายเนติวิทย์ มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามที่จะเป็นกรรมการสมาคมฯ และขอให้นายทะเบียนสมาคมฯ ดำเนินการพิจารณาแต่งตั้งนายเนติวิทย์ตามกฎหมายโดยเร็ว และสมาคมฯ ได้ทำหนังสือทวงถามผลการพิจารณาอุทธรณ์ต่อ พล.อ.อนุพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อีกครั้ง เนื่องจากเพิกเฉยไม่ดำเนินการพิจารณาอุทธรณ์ของสมาคมฯ ภายในกำหนดระยะเวลา 90 วัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 82 วรรคท้าย

กระทั่งวันที่ 25 ก.ย. 2562 ที่ผ่านมา สมาคมฯ รับทราบผลการพิจารณาว่า พล.อ.อนุพงษ์ พิจารณายกอุทธรณ์ของสมาคมฯ (ตามหนังสือกรมการปกครอง ที่ มท 0307.5/25503 ลงวันที่ 23 ก.ย. 2562)

ทั้งนี้ คณะกรรมการสมาคมฯ ได้พิจารณาเห็นแล้วว่า นายทะเบียนสมาคมกรุงเทพมหานคร (อธิบดีกรมการปกครอง) ใช้ดุลพินิจและอำนาจหน้าที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยเฉพาะเป็นการขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 มาตรา 29 วรรคสอง บัญญัติว่า “ในคดีอาญา ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด และก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทำความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้”

ประกอบกับข้อเท็จจริงพบว่า การที่พนักงานสอบสวนตั้งข้อหาคดีอาญาจำนวน 4 คดี ในความผิดฐาน“ร่วมกันฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 เรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ ข้อ 12” ปรากฎว่า ศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้องแล้ว จำนวน 2 คดี และคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ข้อ 12 ถูกยกเลิกโดยคำสั่งคสช. ที่ 22/2561 ข้อ 1 (7) แล้ว ทำให้คดีอาญาที่พนักงานสอบสวนตั้งข้อกล่าวหาต่อนายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ไม่อาจดำเนินคดีได้อีกต่อไป และศาลไม่อาจพิพากษาและลงโทษให้นายเนติวิทย์ มีความผิดตามข้อกล่าวหาดังกล่าวได้อีกต่อไป

ดังนั้น การที่นายทะเบียนสมาคมฯ หยิบยกเหตุผลว่า นายเนติวิทย์ ถูกดำเนินคดีอาญาดังกล่าว เป็นเหตุให้ไม่รับจดทะเบียนแต่งตั้งเป็นกรรมการสมาคมฯ จึงเป็นการใช้ดุลพินิจและออกคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย อีกทั้งยังขัดต่อวัตถุประสงค์ของสมาคมฯ ในการปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชน

จึงให้ดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลาง กรณีนายทะเบียนสมาคมกรุงเทพมหานคร (อธิบดีกรมการปกครอง) ใช้อำนาจหน้าที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายในกรณีมีคำสั่งไม่รับจดทะเบียนแต่งตั้งนายเนติวิทย์ เป็นกรรมการสมาคมฯ และฟ้องร้องดำเนินคดีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ละเลยการปฏิบัติหน้าที่โดยวินิจฉัยอุทธรณ์ของสมาคมฯ ล่าช้าเกินกำหนดระยะเวลา ตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 82 วรรคท้ายกำหนด คาดว่าจะดำเนินการฟ้องร้องคดีดังกล่าวต่อศาลปกครองกลางในต้นเดือน ต.ค. 2562 นี้

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 25 ก.ย. ที่ผ่านมา นายเนติวิทย์ โพสต์เฟซบุ๊ก Netiwit Chotiphatphaisal ระบุว่า "บิ๊กป๊อก พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รังแกผมหลังจากที่ผมได้รับเลือกตั้งเป็นกรรมการแอมเนสตี้ ตัวแทนเยาวชนปีที่แล้ว ผมก็ยังไม่ได้เป็นกรรมการตามกฎหมายของแอมเนสตี้สักที เพราะเมื่อแอมเนสตี้แจ้งชื่อจดทะเบียนผมเป็นหนึ่งในกรรมการ นายทะเบียนสมาคมกรุงเทพฯ ไม่รับจด โดยอ้างว่าผมเป็นบุคคลที่มีพฤติกรรมขัดต่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของประเทศ (อ้างว่าผมเป็นผู้ชุมนุมอยากเลือกตั้ง MBK39 และอื่นๆ ซึ่งปัจจุบันศาลยกฟ้องไปแล้ว2คดี) เราอุทธรณ์ไปยังกรมการปกครอง อธิบดียืนยันคำตอบเดิม และตอนนี้อุทธรณ์ไปที่กระทรวงมหาดไทย บิ๊กป๊อก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมต กระทรวงมหาดไทย ผู้ถูกชมนักชมหนาจากการพูดถึงคนรุ่นใหม่ ชมคุณทิม พิธา ก็เผยตัวตนจริงออกมาโดยยกอุทธรณ์ ยังโยนข้อหาหาว่าผมเป็นตัวอันตรายอยู่ดี ทั้งที่ตามคุณสมบัติผมก็ผ่านไม่ได้ขัดอะไรกับตัวองค์กรที่ยืนยันส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ผมเป็นสมาชิกแอมเนสตี้มามากกว่า5ปีแล้ว แต่หนักหัวเผด็จการ และไม่อยากให้ผมมีบทบาทในเวทีประเทศและนานาชาติ (ผมได้รับเลือกเป็นกรรมการฯหลังจากผมพูดที่ Oslo Freedom Forum ที่นอร์เวย์) ไม่เป็นไรครับ ก็ต้องไปเจอกันที่ศาลปกครอง ทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องแทรกแซงตำแหน่งเล็กๆ นี้เลย ผมจะแสดงว่ายังมีเด็กที่ไม่ยอมพวกคุณรังแกแต่ฝ่ายเดียว การกระทำของ รมต เหล่าผู้ใหญ่คร่ำครึสมุนเผด็จการที่รังแกผม จะเป็นอีกหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ไทยให้ลูกหลานขบขัน ตุลาคมนี้ เจอที่ศาลปกครองครับ"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :