ไม่พบผลการค้นหา
ตำรวจบุกรวบ 'บูม-จิรัชพิสิษฐ์' ดารานายแบบ หลังผู้เสียหายต่างชาติแจ้งความว่าหลอกลวงให้ลงทุนในธุรกิจซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล 797 ล้านบาท กองปราบฯ 4 ราย พบมีกว้างขวางวงการหุ้นเอี่ยว

พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บัญชาการกองบังคับการปราบปราม (ผบก.ป.) นำกำลังเข้าทำการจับกุม นายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือ บูม อายุ 27 ปี ดารานายแบบ ตามหมายจับศาลอาญา ที่1694/2561 ลงวันที่ 26 ก.ค.2561 ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน โดยสามารถจับกุมได้บริเวณห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านพหลโยธิน

สำหรับคดีดังกล่าวสืบเนื่องจาก ผู้เสียหายชาวต่างชาติได้เข้าแจ้งความว่า ถูกผู้ต้องหาพร้อมกับพวกร่วมกันหลอกลวง และร่วมกันวางแผนชักชวนให้ลงทุนประกอบธุรกิจซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล ในชื่อ dragon coin (DRG) โดยหลอกลวงให้ซื้อหุ้นของบริษัท 3 แห่ง ได้แก่ บริษัท เอ็กซ์เปย์ ซอฟท์แวร์ จำกัด , NX Chain Inc. และหุ้นของบริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีผู้เสียหายหลงเชื่อและร่วมลงทุน ด้วยการโอนเหรียญบิทคอยน์ ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลจำนวนหนึ่งเข้าไปกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-wallet) ในบัญชีของนายจิรัชพิสิษฐ์ ที่เปิดรับรองไว้ส่วนหนึ่ง และบัญชีของผู้ต้องหาอื่นๆ อีก รวมเป็นเงิน 5,564.44650956 เหรียญบิตคอยน์ หรือ คิดเป็นเงินไทยทั้งหมด 797,408,454.33 บาท

ต่อมาเมื่อถึงกำหนดเวลานัดหมายที่จะรับส่วนแบ่งจากการลงทุน ผู้เสียหายกลับไม่ได้รับส่วนแบ่งจากการลงทุน หรือเงินปันผล อีกทั้งไม่เคยได้รับเชิญไปประชุมผู้ถือหุ้น นอกจากนี้ยังพบว่า บริษัทที่กลุ่มของผู้ต้องหากล่าวอ้างถึง ไม่ได้เข้าไปประกอบธุรกิจแต่อย่างใด จึงได้สอบถามไปยังตัวผู้ต้องหา แต่กับได้รับการบ่ายเบี่ยงมาตลอด จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับกองปราบ

นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนกองปราบ ได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหากับพวกรวม 7 ราย ในฐานความผิด ดังนี้ ร่วมกันฟอกเงิน ตามพ.ร.บ.ฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3(5), 5(1) (2), 60 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 8 จากนั้น ชุดสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาได้มีการถ่ายหนังที่ห้างดังแห่งหนึ่งในย่านรัชโยธิน จึงนำกำลังเข้าจับกุมดังกล่าว ต่อมาในช่วงบ่ายเจ้าหน้าที่ได้ออกหมายจับเพิ่มเติม 3 ราย 

โดยจับกุมได้ 1 คน ส่วนบางรายหนีไปต่างประเทศ ทั้งนี้ เงินที่กลุ่มผู้ต้องหาหลอกมาได้มีการโอนเงินถ่ายเทไปยังพ่อแม่ญาติพี่น้อง พร้อมกับมีการพิจารณาออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติม ซึ่งเป็นคนกว้างขว้างในตลาดหลักทรัพย์ อีกรายเป็นพี่ชายของนายจิรัชพิสิษฐ์ ซึ่งได้เดินทางออกไปต่างประเทศก่อนหมายจับจะออก โดยกองปราบได้ประสานทางเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแล้ว

ทั้งนี้ จากการสอบสวน เบื้องต้น นายจิรัชพิสิษฐ์ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น ซึ่งพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เตรียมควบคุมตัวฝากขังศาลในวันที่ 10 ส.ค.

จิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต -บูม จิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต

พบหลักฐานโอนเงินไปต่างประเทศ 30 ล้านบาท

ส่วน พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป. กล่าวว่า ผู้เสียหายชาวฟินแลนด์เป็นผู้ที่มีเงินในสกุลบิทคอยน์จำนวนมาก เมื่อกลุ่มผู้ต้องหาทราบข้อมูลจึงได้เข้าไปติดต่อชักชวนมาลงทุนธุรกิจสกุลเงินดิจิตอล อ้างว่าจะนำเงินไปเปิดบริษัทเหรียญเงินดิจิตอลแล้วไปลงตลาดหลักทรัพย์ในไทย ส่วนเหรียญดิจิตอลนั้นจะนำไปใช้ในบ่อนการพนันที่เกาะมาเก๊า ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้ แต่ทางกลุ่มผู้เสียหายไม่ได้นำไปลงทุนจริง กลับนำเงินโอนย้ายไปยังกลุ่มของผู้ต้องหา ซึ่งคือนายจิรัชพิสิษฐ์ โดยได้มีการโอนเงินไปยังพี่น้องตนเองประมาณ 400 กว่าล้านบาท และนำเงินไปทำธุรกิจรับขายฝากที่ดิน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ติดตามยึดที่ดินได้เป็นมูลค่า 200 กว่าล้านบาท

"ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มผู้ต้องหาแล้วทั้งหมด 49 บัญชี หากหลักฐานเชื่องโยงไปถึงพ่อหรือแม่ของของนายจิรัชพิสิษฐ์ จะต้องเรียกมาสอบสวน นอกจากนี้พบว่ามีการโอนเงินออกไปยังต่างประเทศประมาณ 30 ล้านบาทด้วย" พ.ต.อ.ชาคริต กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :