นายแพทย์ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวเตือนประชาชนบางส่วนที่มีความคิดจะสกัดน้ำมันกัญชาเอง โดยอาศัยข้อมูลจากยูทูบหรือช่องทางอื่นๆ ในอินเทอร์เน็ต ต้องระมัดระวังและทำความเข้าใจว่า กัญชายังเป็นยาเสพติดประเภท 5 ถือว่าผิดกฎหมายหากมีไว้ในครอบครอง และการสกัดน้ำมันกัญชาเอง อาจเป็นอันตรายร้ายแรง
ทั้งนี้ การสกัดน้ำมันกัญชามีหลายกรรมวิธี และ นพ.ขวัญชัยเตือนว่า หากใช้ส่วนผสมที่ไม่ถูกต้อง เช่น ใช้แอลกอฮอล์เมทานอลสกัดกัญชาแทนเอทานอล อาจทำให้ได้รับผลข้างเคียงถึงขั้นตาบอด ตับและไตวาย หรือหากสกัดโดยใช้เตาแก๊ส อาจได้รับอันตรายเพราะไวไฟ ส่วนการใช้โรงเรือนแบบปิด เสี่ยงต่อการสูดดมไอระเหยของกัญชา ซึ่งจะทำให้รู้สึกมึนเมาและเคลิบเคลิ้มได้
การสกัดน้ำมันกัญชาต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย ทั้งคุณภาพของสายพันธุ์ ซึ่งจะต้องปลอดภัยจากสารพิษต่างๆ ทั้งยาฆ่าแมลงและสารโลหะหนักที่อาจปนเปื้อน โดยจะต้องควบคุมตั้งแต่ระดับการปลูกไปจนถึงการเก็บเกี่ยว
แม้ในขณะนี้มีความพยายามผลักดันให้มีการปลดล็อกกัญชา แต่ก็ยังถือว่าอยู่ระหว่างดำเนินการ และ นพ.ขวัญชัยเสนอว่า ควรกำหนดให้มีการสกัดน้ำมันกัญชาในหน่วยงานของรัฐ เช่น ในสถานที่ของทางราชการ ทหาร โรงเรียนแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข องค์การเภสัชกรรม และอาจรวมถึงหมอพื้นบ้าน โดยสนับสนุนให้มีการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐาน และนำมาขึ้นทะเบียน แต่ไม่ควรจำกัดแค่คนบางกลุ่ม เพื่อที่ประชาชนจะได้รับประโยชน์จากสารสกัดและน้ำมันกัญชาที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และราคาไม่แพงเกินเอื้อม
ทั้งนี้ 'กัญชา' มีประโยชน์ทางการแพทย์ โดยเฉพาะการบรรเทาอาการผู้ป่วยที่เจ็บปวดจากการทำเคมีบำบัดรักษาโรคมะเร็งชนิดต่างๆ และอาการลมชักในเด็กเล็ก ซึ่งในประเทศไทย มีผู้ป่วยกลุ่มนี้ประมาณ 1- 2 แสนราย นอกจากนี้ยังสามารถนำไปต่อยอดเป็น 'นวัตกรรมยา' ได้อีกด้วย เนื่องจากตำรับยาแผนโบราณของไทยบางประเภทก็มีกัญชาเป็นส่วนประกอบ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: