ไม่พบผลการค้นหา
โดนัลด์ ทรัมป์ เสร็จสิ้นภารกิจเดินทางเยือนเอเชียเป็นเวลา 11 วันแล้ว ท่ามกลางการจับตาว่าภารกิจของนายทรัมป์ในครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่น ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น สามารถสานสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ ได้ แต่กลับไม่มีความคืบหน้าเชิงนโยบายที่เป็นรูปธรรม

ภารกิจเดินทางเยือน 5 ประเทศในทวีปเอเชียและเข้าร่วมการประชุมเอเปก รวมถึงการประชุม East-Asia Summit ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นเวลา 11 วัน ระหว่างวันที่ 3-14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นการเดินทางเยือนเอเชียที่ยาวนานที่สุดของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในรอบ 26 ปี ได้กลายเป็นที่จับตามองของนักวิเคราะห์ทั่วโลกว่า การเดินทางเยือนเอเชียครั้งนี้จะสำเร็จลุล่วงด้วยดีหรือไม่? และผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องวาทะที่ดุเดือดแข็งกร้าวอย่างนายทรัมป์จะสามารถสานสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ ได้มากน้อยเพียงใด? 

สำนักข่าว CNN เผยแพร่บทวิเคราะห์เรื่อง "ในเอเชีย เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ทรัมป์พบว่าการประสบความสำเร็จนอกดินแดนเป็นเรื่องที่ง่ายกว่าที่บ้าน" (In Asia, Trump again finds success overseas easier than at home) ซึ่งเสนอว่า ภารกิจการเดินทางเยือนเอเชียของนายทรัมป์ในครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่นตามที่นักวิเคราะห์หลายคนคาดหมาย แม้จะไม่มีผลอย่างเป็นรูปธรรมเชิงนโยบายเกิดขึ้นเลยก็ตาม

CNN มองว่า ภาพลักษณ์ของนายทรัมป์ในการเดินทางเยือนเอเชียครั้งนี้ คือผู้นำที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ ตรงข้ามกับในสหรัฐฯ ที่นายทรัมป์ต้องเผชิญวิกฤต ทั้งจากคะแนนนิยมที่ตกต่ำลง และกรณีที่คนใกล้ชิดของเขาหลายคนถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่รัสเซียเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ เมื่อปี 2016 

อย่างไรก็ตาม ในการเดินทางเยือนเอเชียครั้งนี้ ทุกประเทศที่นายทรัมป์เดินทางไปเยือนต่างให้การต้อนรับเขาอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติ ทั้งการจัดงานเลี้ยงต้อนรับ ขบวนพาเหรด และกล่าวยกย่องเชิดชูนายทรัมป์ โดยแม้แต่เกาหลีเหนือก็ไม่ได้แสดงท่าทีคุกคาม ด้วยการทดสอบขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์ระหว่างที่ทรัมป์เดินทางเยือนเอเชียแต่อย่างใด แม้จะมีการตอบโต้และปะทะคารมกันบ้าง แต่ท่าทีที่นายทรัมป์แสดงออกในครั้งนี้ คือ เขายังคงเปิดกว้างต่อการเจรจากับเกาหลีเหนือ

นายวิลเลียม ฉง นักวิจัยประจำศูนย์ความมั่นคงภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ศูนย์ยุทธศาสตร์ศึกษานานาชาติ (IISS) มองว่า ในการกล่าวสุนทรพจน์ที่ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน นายทรัมป์พูดตามสคริป และไม่ได้ใช้คำพูดในเชิงคุกคามเกาหลีเหนืออย่างที่ผ่านมา 

ญี่ปุ่น


tr japan.jpg

ญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกที่นายทรัมป์เดินทางเยือน โดยเขาได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นและตามธรรมเนียมจากนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น และผู้นำของทั้งสองประเทศยังได้เล่นกอล์ฟร่วมกันด้วย โดยนายอาเบะยังได้กล่าวว่า “ในอดีต ผู้นำสหรัฐฯ และญี่ปุ่นต่างไม่เคยมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นเช่นนี้มาก่อน”นอกจากนี้ นายทรัมป์ยังได้มีท่าทีเอาใจคนอเมริกัน ด้วยการเรียกร้องให้ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ในญี่ปุ่น ผลิตรถในสหรัฐฯ แทนที่จะส่���รถจากญี่ปุ่นไปขายในสหรัฐฯ แม้ว่าที่ผ่านมา ทั้งโตโยต้าและฮอนด้า จะมีฐานการผลิตขนาดใหญ่ในสหรัฐฯแล้วก็ตาม

เกาหลีใต้


tr korea02.jpg

แม้ว่าก่อนหน้านี้ ความสัมพันธ์ระหว่างนายทรัมป์กับนายมุนแจอิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้จะไม่ค่อยดีนัก โดยนายทรัมป์เคยออกมากล่าวโจมตีนายมุนว่าฝักใฝ่เกาหลีเหนือมากเกินไป ขณะที่เกาหลีใต้เองก็เพิกเฉยต่อนโยบายแข็งกร้าวต่อเกาหลีเหนือที่เสนอโดยสหรัฐฯ หลายครั้ง ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าอาจเกิดความขัดแย้งระหว่างสองประเทศขึ้น อย่างไรก็ตาม ในการเดินทางเยือนเกาหลีใต้ของนายทรัมป์ในครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ประกาศจุดยืนที่ตรงกัน คือต้องการเจรจากับเกาหลีเหนือเพื่อให้บรรลุข้อตกลงที่เป็นประโยชน์ต่อชาวเกาหลีเหนือและชาวโลก และที่น่าสังเกตก็คือ เกาหลีเหนือเองก็ไม่ได้มีปฏิกิริยารุนแรงใดๆต่อการเยือนเกาหลีใต้ของนายทรัมป์ และไม่มีการทดสอบขีปนาวุธเลยตลอดการเยือนเอเชียของนายทรัมป์ครั้งนี้

จีน


tr china.jpg

แม้นายทรัมป์จะเคยโจมตีจีนหลายครั้งว่า “ข่มขืน” สหรัฐฯ แต่ในการเดินทางเยือนจีนในครั้งนี้ นายทรัมป์ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยนายสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีนได้กล่าวยกย่องนายทรัมป์ด้วย สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีของทางการจีนชื่นชมนายทรัมป์ว่า ให้การเคารพจีนในเวทีโลกในฐานะที่เป็นประเทศมหาอำนาจ ซึ่งเป็นสิ่งที่จีนต้องการ ขณะที่นายทรัมป์เองก็แสดงท่าทีเป็นมิตรกับจีนถึงขนาดที่ยอมรับว่าการที่จีนค้าขายได้ดุลสหรัฐฯมหาศาลเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาคู่ค้าทั้งหมด เป็นความผิดพลาดของรัฐบาลนายบารัก โอบามา ไม่ใช่ของจีน

นายทรัมป์ยังประกาศความสำเร็จในการเจรจาเพิ่มความร่วมมือทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน มูลค่ากว่า 8 ล้านล้านบาท แต่ CNN พบว่าข้อตกลงดังกล่าว รวมถึงสัญญาว่าจะสั่งซื้อเครื่องบินโบอิงของสหรัฐฯจากรัฐวิสาหกิจจีน ยังไม่มีผลผูกพัน อาจเปลี่ยนแปลงหรือเลิกล้มได้

นอกจากนี้ ภาษาที่นายทรัมป์ใช้ในการเรียกร้องให้จีนกดดันเกาหลีเหนือให้ยุติโครงการพัฒนาขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์ยังมีลักษณะอ่อนลงกว่าเดิม โดยนายทรัมป์ระบุเพียงว่า “ผมขอเรียกร้องให้จีนและประธานาธิบดีที่ยิ่งใหญ่ของจีนแก้ไขปัญหาเกาหลีเหนืออย่างจริงจัง" อย่างไรก็ตาม นายทรัมป์ไม่ประสบความสำเร็จในการให้จีนเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ โดยรัฐบาลจีนตอบอย่างชัดเจนว่าจีนจะไม่กดดันเกาหลีเหนือเพิ่ม เพราะที่ผ่านมาถือว่าได้ทำตามมติของสหประชาชาติครบถ้วนแล้ว

เวียดนามและฟิลิปปินส์


tr viet.jpg

นายทรัมป์ได้กระชับความสัมพันธ์กับเวียดนามและฟิลิปปินส์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในการเยือนทั้งสองประเทศ ซึ่งในเชิงความสัมพันธ์ส่วนตัว นายทรัมป์สามารถกระชับความสัมพันธ์กับทั้งนายเจิ่นดั่ยกว่าง ประธานาธิบดีเวียดนาม และนายโรดริโก ดูแตร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ แต่การที่นายทรัมป์เสนอตัวเป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททะเลจีนใต้ หรือเป็นผู้ชี้ขาดในความขัดแย้ง เป็นข้อเสนอที่กระทบต่อทั้งจีน ไต้หวัน และ 5 ชาติสมาชิกอาเซียนที่อ้างสิทธิ์เหนือพื้นที่ในทะเลจีนใต้ คือฟิลิปปินส์ เวียดนาม บรูไน มาเลเซีย และอินโดนีเซีย และไม่ใช่สิ่งที่ทั้งหมดต้องการ

APTOPIX Philippines S_Rata.jpg

ประเด็นเศรษฐกิจเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ถูกจับตามองในการเดินทางเยือนเอเชียของนายทรัมป์ในครั้งนี้ โดยเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายทรัมป์ได้กล่าวย้ำถึงความสำคัญของ 'นโยบายอเมริกันต้องมาก่อน' ระหว่างการเดินทางเยือนเวียดนาม ซึ่งเป็นนโยบายทางเศรษฐกิจที่แตกต่างไปจากนโยบายที่เน้นการร่วมมือทางการค้าของนายบารัก โอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ 

อย่างไรก็ตาม ความพยายามของนายทรัมป์ในการเจรจาการค้าแบบทวิภาคีเพื่อแทนที่กรอบพหุภาคีต่างๆ โดยเฉพาะ TPP หรือข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิกที่สหรัฐฯถอนตัวไป ไม่ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกเท่าที่ควร เพราะ 11 ประเทศที่ก่อนหน้านี้ร่วมลงนามใน TPP ต่างเดินหน้าสนับสนุน TPP ต่อไปแม้ว่าจะปราศจากสหรัฐฯ ก็ตาม และเป็นที่คาดการณ์ว่าทั้ง 11 ประเทศจะลงนามในข้อตกลงTPP ในช่วงต้นปีหน้า

ภาพ: AP