ไม่พบผลการค้นหา
โอเลก ตินคอฟ มหาเศรษฐีนายธนาคารยอมทิ้งสัญชาติรัสเซียของตน เนื่องจากการที่ประเทศตนทำสงครามในยูเครน อีกทั้งตินคอฟยังประณาม “ลัทธิฟาสซิสต์ปูติน” ทั้งนี้ ตินคอฟเป็นผู้ก่อตั้งธนาคารออนไลน์ Tinkoff  หนึ่งในธนาคารเพื่อการกู้ยืมรายใหญ่ที่สุดของรัสเซีย ซึ่งมีฐานลูกค้ากว่า 20 ล้านคน

ในโพสต์บนอินสตาแกรมของตินคอฟ ระบุถึงเหตุผลของการสละสัญชาติรัสเซียว่า “ผมไม่สามารถและจะไม่ขอเกี่ยวโยงกับประเทศฟาสซิสต์ ที่เริ่มทำสงครามกับเพื่อนบ้านอันสงบสุข” อย่างไรก็ดี มีมหาเศรษฐีรัสเซียเพียงไม่กี่รายเท่านั้น ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การรุกรานยูเครนของรัสเซียต่อหน้าสาธารณชน

Sota Vision แหล่งข่าวอิสระของรัสเซีย ได้ทวีตภาพถ่ายใบรับรองของตินคอฟ ที่แสดงว่าสถานะสัญชาติรัสเซียของเขาสิ้นสุดลงแล้ว เช่นเดียวกับข้อความด่าว่าบนอินสตาแกรมของเขาที่มีต่อ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย อย่างไรก็ดี โพสต์ดังกล่าวเหมือนจะถูกลบออกจากบัญชีของตินคอฟแล้ว

ตินคอฟระบุว่า “เป็นเรื่องน่าละอายสำหรับผม ที่จะถือหนังสือเดินทางเล่มนี้ต่อไป” อย่างไรก็ดี มีรายงานว่าปัจจุบันนี้ตินคอฟอาศัยอยู่ในกรุงลอนดอน แต่เขาต้องประสบกับมาตรการคว่ำบาตรของสหราชอาณาจักร เช่นเดียวกันกับสมาชิกกลุ่มธุรกิจชั้นนำของรัสเซียคนอื่นๆ “ผมหวังว่านักธุรกิจชาวรัสเซียในอีกจำนวนมากจะทำตามผม ซึ่งมันจะทำให้ระบอบการปกครองของปูตินและเศรษฐกิจของเขาอ่อนแอลง และมันจะทำให้เขาพ่ายแพ้ในที่สุด” ตินคอฟกล่าว

ตินคอฟกล่าวต่อว่า “ผมเกลียดรัสเซียของปูติน แต่รักชาวรัสเซียทุกคนที่ต่อต้านสงครามบ้าๆ นี้อย่างชัดเจน”  โดยในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ตินคอฟเคยออกมาวิจารณ์ระบอบปูตินอย่างรุนแรง โดยเขาประณามการปกครองของปูตินว่า เป็นระบอบการปกครองที่มีพื้นฐานมาจากการเลือกที่รักมักที่ชังและความเป็นทาส “พวกราชการในเครมลินตกใจที่ไม่ใช่แค่พวกเขา แต่ลูกๆ ของพวกเขาจะไม่สามารถเดินทางไปทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในช่วงฤดูร้อนได้ (ในขณะที่) นักธุรกิจพยายามที่จะรักษาซากทรัพย์สินของพวกเขา” เขากล่าว

ชาติตะวันตกคว่ำบาตรตินคอฟและบุคคลสำคัญทางธุรกิจของรัสเซียรายอื่นๆ หรือที่เรียกว่าเป็น “ผู้มีอำนาจ” ซึ่งหมายรวมถึงการห้ามเดินทาง การอายัดทรัพย์สิน และการยึดเครื่องบินและเรือยอทช์ ทั้งนี้ อำนาจทางการเมืองและการทหารของปูติน อาศัยการสนับสนุนของมหาเศรษฐีที่ร่ำรวย ผ่านเครือข่ายที่เชื่อมโยงกับประธานาธิบดีรัสเซีย

นอกจากนี้ ในเดือน เม.ย.เดียวกันนั้นเอง ตินคอฟได้ขายหุ้น 35% ของครอบครัวในบริษัทที่เขาก่อตั้งอย่าง TCS Group Holding ซึ่งมีฐานอยู่ในไซปรัส โดยมีผู้ซื้อหุ้นจำนวนดังกล่าวของตินคอฟ ซึ่งเป็นหนึ่งในชายที่ร่ำรวยที่สุดของรัสเซียอย่าง วลาดิเมียร์ โปตานิน หัวหน้าบริษัทขุดเหมืองยักษ์ใหญ่ Norilsk Nickel ทั้งนี้ มีธุรกิจของ TCS ที่อยู่ภายใต้แบรนด์ Tinkoff ได้แก่ การธนาคาร ประกันภัย และโทรศัพท์มือถือ

รายงานของสื่อระบุอีกว่า นิโคเลย์ สโตรอนสกี มหาเศรษฐีนายธนาคารชาวรัสเซียอีกคนหนึ่ง ได้ตัดสินใจสละสัญชาติรัสเซียของเขาแล้วเช่นกัน โดยสโตรอนสกีถือสัญชาติอังกฤษ และเป็นผู้ก่อตั้ง Revolut บริษัทเทคโนโลยีการเงินสัญชาติอังกฤษ เช่นเดียวกันกับตินคอฟ สโตรอนสกีประณามสงครามในยูเครนผ่านโพสต์บนบล็อกส่วนตัวเมื่อต้นปีนี้ โดยเขาเน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ทางเชื้อสายกับชาวยูเครนของตน

เช่นเดียวกันกับเมื่อต้นเดือนนี้ ยูริ มิลเนอร์ นักลงทุนมหาเศรษฐีเชื้อสายอิสราเอล-รัสเซีย ประกาศว่าเขาได้สละสัญชาติรัสเซียของตนแล้ว โดยมิลเนอร์เดินทางออกจากรัสเซียเมื่อปี 2557 และกำลังอาศัยอยู่ในบ้านที่สหรัฐฯ


ที่มา:

https://www.bbc.com/news/world-europe-63466138?fbclid=IwAR03bwHnfg9qHEQYCqAs-Qjl2arEySHYJtTYorC05_lBRJZXCl0a11kQPuc