ไม่พบผลการค้นหา
โวโลดีเมอร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ออกมาเตือนว่า สงครามกำลังกลับมาไปหารัสเซีย หลังจากเกิดเหตุโดรนโจมตีในกรุงมอสโก เมืองหลวงของรัสเซีย ทั้งนี้ เซเลนสกีกล่าวว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นในดินแดนของรัสเซียนั้น เป็น "กระบวนการที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นธรรมชาติ และยุติธรรมอย่างยิ่ง" ของสงครามระหว่างสองประเทศ

กระทรวงกลาโหมของรัสเซียระบุว่า โดรนของยูเครน 3 ลำถูกยิงตกลงเมื่อวันอาทิตย์ (30 ก.ค.) โดยโดรน 2 ลำบินเข้าชนกับสำนักงาน ในขณะที่ทางการรัสเซียได้สั่งปิดสนามบินวนูโคโว ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของใจกลางกรุงมอสโกเป็นการชั่วคราว นอกจากนี้ ยังมีการโจมตีด้วยโดรนในช่วงเช้ามืดของวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นการโจมตีครั้งล่าสุดที่ทางการรัสเซียออกมากล่าวหาว่ายูเครนเป็นผู้ลงมือกระทำ

ในการแถลงผ่านวิดีโอเมื่อวันอาทิตย์ จากพื้นที่เมืองอิวาโน-ฟรานกิฟสก์ ทางตะวันตกของยูเครน เซเลนสกีกล่าวว่ายูเครนกำลังแข็งแกร่งขึ้น “วันนี้เป็นวันที่ 522 ของสิ่งที่เรียกว่าเป็น ‘ปฏิบัติการทางทหารพิเศษ’ ซึ่งผู้นำรัสเซียคิดว่าจะใช้เวลา 2-3 สัปดาห์” ประธานาธิบดียูเครนกล่าว “สงครามค่อยๆ หวนกลับคืนสู่ดินแดนของรัสเซีย สู่ศูนย์กลางเชิงสัญลักษณ์และฐานทัพ และนี่เป็นกระบวนการที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นไปตามธรรมชาติ และยุติธรรมอย่างยิ่ง”

การแสดงออกของยูเครนในลักษณะดังกล่าว นับเป็นการยกระดับจากแนวทางปกติของยูเครนขึ้นจากเดิม ที่ยูเครนมักจะไม่ยอมรับความรับผิดชอบ ต่อการโจมตีที่เกิดขึ้นในดินแดนรัสเซีย อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่าลักษณะคำพูดของเซเลนสกีอาจจะยังห่างไกลจากการเป็นคำสารภาพ แต่ประธานาธิบดียูเครนแสดงออกถึงความมั่นใจอย่างชัดเจนมากพอที่จะรับมือกับแรงกดดันที่มากขึ้น

การโจมตีด้วยโดรนในลักษณะเช่นนี้ ยังเป็นโอกาสสำหรับเซเลนสกีที่จะสื่อสารโดยตรงกับประชาชนชาวรัสเซีย ซึ่งส่วนใหญ่ดูเหมือนจะเชื่อว่าการรุกรานของรัสเซียต่อยูเครนนั้นยุติธรรมและชอบธรรม โดยถ้าหากเหตุระเบิดเกิดขึ้นใกล้บ้านของประชาชนรัสเซีย ซึ่งเกิดขึ้นคู่ขนานกันไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นในยูเครน คำพูดของเซเลนสกีจะทำให้การอ้างความชอยธรรมของ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เกิดความยากลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ

ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า รัสเซียจะต้องใช้อาวุธนิวเคลียร์ หากการโจมตีตอบโต้ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องของยูเครนประสบผลสำเร็จ ทั้งนี้ เมดเวเดฟ ซึ่งปัจจุบันเป็นรองประธานสภาความมั่นคงแห่งรัสเซีย ซึ่งมีปูตินเป็นประธาน กล่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่า มัน "ไม่มีทางเลือกอื่น" หากยูเครนเข้ามายึด "ดินแดนของเรา"

เจ้าหน้าที่รัสเซียกล่าวว่า ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลังจากการโจมตีด้วยโดรนเมื่อวันเสาร์ (29 ก.ค.) ในขณะที่ เซอร์เก โซเบียนิน นายกเทศมนตรีของกรุงมอสโกกล่าวว่า อาคารสำนักงาน 2 หลังได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย ทั้งนี้ มีการระงับเที่ยวบินชั่วคราวจากสนามบินวนูโคโว และเครื่องบินขาเข้าได้รับเปลี่ยนเส้นทางไปยังสนามบินอื่น ในขณะที่แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า "ความพยายามในการโจมตีของผู้ก่อการร้าย" ถูก "ขัดขวาง" ลงได้

กรุงมอสโกตั้งอยู่ห่างจากชายแดนยูเครนประมาณ 500 กิโลเมตร ทั้งนี้ เมืองหลวงของรัสเซียแทบไม่ตกเป็นเป้าหมายการโจมตีเลย นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากบุกยูเครนอย่างเต็มรูปแบบในเดือน ก.พ. 2565 อย่างไรก็ดี รัสเซียเคยกล่าวหายูเครนว่าใช้โดรนโจมตีดินแดนของรัสเซียหลายครั้งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา รวมทั้งหลายเหตุการณ์ในกรุงมอสโก

เหตุการณ์โจมตีด้วยโดรนที่เด่นชัดที่สุด เกิดขึ้นเมื่อเดือน พ.ค. หลังรัสเซียอ้างว่ายูเครนใช้โดรน 2 ลำโจมตีทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซีย ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางกรุงมอสโก ในขณะที่ทางยูเครนปฏิเสธว่า พวกเขาไม่ได้โจมตีทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซีย หรือพุ่งเป้าการโจมตีไปที่ประธานาธิบดีรัสเซีย นอกจากนี้ ในเหตุการณ์ที่แยกจากกัน กระทรวงกลาโหมของรัสเซียกล่าวว่า ยูเครนยังได้ใช้โดรนโจมตีไครเมียในชั่วข้ามคืน ซึ่งเป็นดินแดนยูเครนที่ถูกผนวกไปโดยรัสเซียในปี 2557 โดยเจ้าหน้าที่กล่าวว่า โดรน 16 ลำถูกทำลาย และอีก 9 ลำถูกปราบปรามลงได้


ที่มา:

https://www.bbc.com/news/world-europe-66352765?fbclid=IwAR2sHo0h5Omj8ptT5Tpmq-z4OiE3DQwC9KBCBP9CT7bJrCleFsFBmf7GXkU