ไม่พบผลการค้นหา
ผลเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ ทำให้พรรคฝ่ายค้าน 'เดโมแครต' พลิกบทเข้าคุมสภาผู้แทนราษฎรได้ และผู้สมัครที่ได้รับเลือกมีช่วงวัย-หลายเชื้อชาติ แม้ว่าพรรครีพับลิกันของ ปธน.ทรัมป์จะยังคงกุมเสียงในวุฒิสภาก็ตาม

ชาวสหรัฐฯ ไปออกเสียงเลือกตั้งกลางเทอมเมื่อวันที่ 6 พ.ย. ซึ่งจัดขึ้นทุกสองปี อันเป็นการเลือกตั้งที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด กับที่นั่ง 1 ใน 3 ของสมาชิกวุฒิสภาซึ่งมีทั้งหมดราว 100 ที่นั่ง นอกจากนั้นยังมีการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐอีกจำนวนหนึ่งด้วย สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ นั้นมีอายุงาน 6 ปี ส่วนสภาผู้แทน 2 ปี เนื่องจากเป็นการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นในช่วงที่ประธานาธิบดีทำงานมาได้ครึ่งเทอม ทำให้เห็นกันว่าการเลือกตั้งหนนี้มักเป็นโอกาสให้ประชาชนได้สะท้อนความเห็นต่อการทำงานของประธานาธิบดีไม่มากก็น้อย 

ก่อนการเลือกตั้งหนนี้ พรรครีพับลิกันของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน คุมเสียงข้างมากทั้งในวุฒิสภาและสภาผู้แทน

ขณะที่ผลการเลือกตั้งทั้งหมดยังไม่ได้รับการสรุปอย่างเป็นทางการ แต่ในเบื้องต้นเป็นที่เห็นได้ชัดว่าแนวโน้มคือพรรคเดโมแครตจะคว้าที่นั่งเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรแม้ว่าจะมากกว่าพรรครีพับลิกันไม่มากนัก แต่ถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เดโมแครตจะได้ที่นั่งมากกว่าในสภาผู้แทน อย่างไรก็ตาม พรรครีพับลิกันยังคงได้ที่นั่งที่ทำให้ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาอยู่ 

สื่ออเมริกันรายงานว่า ผลที่สำคัญอย่างหนึ่งในการเลือกตั้งหนนี้พบว่า ผู้ที่ได้รับเลือกเข้าสภามีช่วงวัยที่หลากหลายมากขึ้น มีผู้หญิงและคนหนุ่มสาวโดยเฉพาะของพรรคเดโมแครตได้รับเลือกมากขึ้น เช่น อเล็กซานเดรีย ออคาซิโอคอร์เทซ วัย 29 ปี กลายเป็นสมาชิกสภาในกลุ่มผู้หญิงที่อายุน้อยที่สุด เอ็นบีซีนิวส์รายงานว่า ในมลรัฐเท็กซัส ผู้หญิงเชื้อสายละตินอเมริกาสองคนได้รับเลือกเข้าสภา คือ เวโรนิก้า เอสโคบาร์ กับซิลเวีย การ์เซีย ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรก 

AFP-อเล็กซานเดรีย ออคาซิโอ คอร์เตซ-Alexandrea Ocasio Cortez

(ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต 'อเล็กซานเดรีย ออคาซิโอ คอร์เทซ' เป็นผู้ได้รับเลือกที่อายุน้อยที่สุดในกลุ่มผู้หญิง)

ที่กลายเป็นประวัติศาสตร์ด้วยก็คือมีการเลือกผู้สมัครมุสลิมเข้าสู่สภาเป็นครั้งแรกเช่นกัน จากรายงานของดิอินดีเพนเดนท์ ผู้สมัครพรรคเดโมแครต ราชิดา ทลาอิบ ชาวอเมริกันเชื้อสายปาเลสไตน์ กับอิลฮาน โอมาร์ เชื้อสายโซมาเลีย ได้รับเลือกเข้าสู่สภาในการแข่งขันที่รัฐมิชิแกนและมินเนโซต้าตามลำดับ ทลาอิบบอกกับสำนักข่าวซีบีเอสว่า มันเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ในเวลาที่คิดว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ 

แต่ที่ไม่สมหวังก็มีไม่น้อย รายงานของวอชิงตันโพสต์ระบุว่า ดาวรุ่งของพรรคเดโมแครตที่เป็นนักการเมืองรุ่นใหม่เชื้อสายแอฟริกันที่ถือว่ามีอนาคตมากที่สุดสองคนพ่ายแพ้ไปในการเลือกตั้งหนนี้ หนึ่งในนั้นคือแอนดรู กิลลัม ไม่อาจคว้าชัยชนะในสนามเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐฟลอริด้าอย่างที่คาดหวังกันได้ รวมทั้งสเตซีย์ อับรามส์ ที่หวังกันว่าจะได้เป็นผู้ว่าการหญิงผิวดำคนแรกของประเทศก็พ่ายแพ้ไปที่รัฐจอร์เจีย

อีกที่หนึ่งคือที่มลรัฐเท็กซัส 'เทด ครูซ' แห่งพรรครีพับลิกัน รักษาที่นั่งไว้ได้ด้วยการเอาชนะชนะ เบโต โอรูร์ก ที่ว่ากันว่าเป็นตัวเก็งของพรรคคนหนึ่งสำหรับการเมืองในอนาคตของพรรคเดโมแครต แต่สื่อรายงานว่า การที่เขาชนะมาได้อย่างหวุดหวิด ทำให้กลุ่มผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตมีกำลังใจอย่างมาก

AFP-อิลฮาน โอมาร์-Ilhan Omar

(สื่อมวลชนสัมภาษณ์ 'อิลฮาน โอมาร์' ชาวอเมริกันเชื้อสายโซมาเลีย ได้รับเลือกเป็น ส.ส.ในมลรัฐมินเนโซต้า)

จากผลเบื้องต้นอย่างคร่าวๆ นี้ก็ทำให้บรรดานักสังเกตการณ์และสื่อเริ่มพยากรณ์กันบ้างแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผลของชัยชนะของพรรคเดโมแครตคาดกันว่า จะช่วยทำให้พรรคมีโอกาสมากขึ้นในเรื่องของการริเริ่มในเรื่องการออกกฎหมายตลอดจนปรับเปลี่ยนทิศทางหลายอย่างที่พรรครีพับลิกันได้วางเอาไว้ก่อนหน้านี้และไม่เป็นที่พอใจของผู้มีสิทธิออกเสียงชาวอเมริกันจำนวนมาก นักสังเกตการณ์การเลือกตั้งอมริกันชี้ว่า นโยบายหลายอย่างและกฎหมายตลอดจนกฎเกณฑ์หลายประการในปัจจุบันริเริ่มกันในระดับรัฐ เช่นเรื่องสิทธิในอันที่จะได้เลือกตั้งเป็นต้น 

แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนสำหรับการทำงานของสภาผู้แทนภายใต้พรรคเดโมแครตก็คือการตรวจสอบการทำงานรัฐบาลนายทรัมป์อย่างเข้มข้น โดยเฉพาะตัวประธานาธิบดีเอง

อัลเบิร์ต ฮันท์ เขียนลงในบลูมเบิร์กว่า นี่เรื่องที่น่าจะได้รับการตรวจสอบน่าจะมีทั้งเรื่องการติดต่อทำข้อตกลงด้านการเงินต่างๆของเขา ความสัมพันธ์ของนายทรัมป์กับรัสเซีย นโยบายหลายอย่างที่ดูไม่เข้าท่ารวมทั้งพฤติกรรมของรัฐมนตรีหลายๆคน ที่สำคัญคือความสัมพันธ์อันลึกซึ้งของนายทรัมป์กับคนในคณะรัฐบาลกับซาอุดิอาระเบีย

a13.jpg

ที่มา: Bloomberg/ Independent/ NBC/ Washington Post

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: