ไม่พบผลการค้นหา
'พร้อมพงศ์' ลุยต่อ แจ้งความ 'สมชัย' สมัคร สส. ทั้งที่มีลักษณะต้องห้าม ปัดกลั่นแกล้งการเมือง ชี้ตรวจสอบคนอื่นได้ก็ต้องพร้อมถูกตรวจสอบ ขอสังคมให้โอกาส 'เศรษฐา' ถ้า 4 ปีไม่ดี ให้ด่า 2 เท่า

วันที่ 22 ก.ย. ที่สถานีตำรวจนครบาล (สน.) ทุ่งสองห้อง พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีต สส.แบบบัญชีรายชื่อ และอดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย เดินทางเข้าแจ้งความ สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จากกรณีที่เห็นว่า สมชัย ได้สมัครรับเลือกตั้ง สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ปี 2566 และสมัคร สส.แบบแบ่งเขต จ.สมุทรสาคร เขตเลือกตั้งที่ 2 เมื่อปี 2562 ทั้งที่อาจมีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย

พร้อมพงศ์ กล่าวว่า เหตุที่ได้เดินทางมายื่นหนังสือกล่าวโทษให้พนักงานสอบสวน สืบเนื่องมาจากเมื่อครั้งที่ สมชัย ดำรงตำแหน่ง กกต. ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ได้ถูกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 4/2561 ลงวันที่ 20 มี.ค. 2561 ให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ กกต. เพราะ สมชัย ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกระบวนการและกำหนดการเลือกตั้งที่ไม่สมควรเกิดความสับสนที่จะเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงานของ กกต. และการจัดการเลือกตั้ง 

อย่างไรก็ตาม สมชัย ยังได้สมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นเลขาธิการ กกต. โดยไม่ได้ลาออกจากการปฏิบัติหน้าที่ กกต. ผลของคำสั่งดังกล่าว

จึงอาจถือได้ว่า สมชัย ได้ถูกคำสั่งให้พ้นจากราชการเพราะประพฤติมิชอบในวงราชการ อันเข้าลักษณะเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ 2566 มาตรา 98 (8) ประกอบมาตรา 42(10) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 

หากมีการสอบสวนแล้ว พบว่ามีลักษณะต้องห้ามดังกล่าวจริงก็ถือว่า สมชัย กระทำการอันฝ่าฝืนมาตรา 151 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 - 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนด 20 ปี

พร้อมพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่าเมื่อวันที่ 21 ก.ย. ที่ผ่านมาตนได้ไปยื่นหนังสือต่อประธาน กกต. เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวแล้วเช่นกัน หาก กกต. ตรวจแล้วพบว่า มีการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายจริง กกต. ก็จะได้ทำการสืบสวนและไต่สวนต่อไป เพราะถือว่าเรื่องดังกล่าวปรากฏต่อ กกต. ที่จะตรวจสอบมูลกรณีดังกล่าวได้ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ปี 2560 

ทั้งนี้ พร้อมพงศ์ ให้เหตุผลที่มายื่นกล่าวโทษ สมชัย ว่า เมื่อ สมชัย ตรวจสอบคนอื่นได้ สมชัย ก็ต้องพร้อมที่จะต้องถูกตรวจสอบได้เช่นกันก็ต้องให้เป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะดำเนินตามอำนาจหน้าที่ต่อไป ตัวเองเป็นผู้ยื่นให้ตรวจสอบในฐานะภาคประชาชนเท่านั้น ไม่ใช่เป็นการกลั่นแกล้งกันทางการเมืองแต่อย่างใด

ส่วนกรณี สมชัย ตั้งข้อสังเกตกรณีลูกสาวของ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามเดินทางไปร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 ที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา นั้น พร้อมพงศ์ ยืนยันว่า เป็นการออกค่าใช้จ่ายส่วนตัวเอง และไปเพื่อติดตามดูแลภริยาของนายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องที่คนไทยทุกคนเข้าใจได้ แต่ สมชัย ไม่เข้าใจ จับผิดในเรื่องที่หยุมหยิม

"ออกทุนไปสัก 30 ล้านบาท แล้วเอาคนมาลงทุนในประเทศไทยได้ 3 แสนล้านบาท เป็นกำไรหรือไม่ เรื่องนี้อย่าไปหยุมหยิม เพราะเป็นเรื่องมีประโยชน์ อย่างคุณ สมชัย หรือหลายๆ คน พยายามโจมตี เหมือนการด้อยค่านายกรัฐมนตรี ก็เหมือนด้อยค่าประเทศไทย วันนี้เราได้นายกฯ ที่ทำการบริหารเชิงรุก หลายคนอาจจะรับไม่ได้ แต่ให้โอกาสท่านเถอะครับ ถ้ารัฐบาลทำไม่ดี ถึงเวลา 4 ปี ให้ด่า 2 เท่าเลย" พร้อมพงศ์ กล่าว

พร้อมพงศ์ ยังกล่าวด้วยว่า หากประชาชนพบเห็นการทุจริตใดๆ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานในรัฐบาลก็ตาม สามารถแจ้งมาที่ตนโดยตรงได้ และจะอาศัยเสียงที่มีดำเนินการตรวจสอบให้