จากกรณีที่พรรคเพื่อไทย นำโดย ชูศักดิ์ ศิรินิล ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค แถลงนำ 122 ส.ส.เพื่อไทย ยื่นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. … ต่อประธานรัฐสภา เมื่อวันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา ให้รัฐสภาแก้ไขมาตรา 256 พร้อมทำประชามติ 2 จาก 3 ครั้ง เพื่อประหยัดงบประมาณ และประหยัดเวลานั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 ม.ค. ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นถึงเรื่องดังกล่าว โดยระบุว่า
พรรคเพื่อไทย นำโดย รศ.ชูศักดิ์ ศิรินิล แถลงข่าวเรื่องการทำรัฐธรรมนูญใหม่ โดยเห็นว่า ทำประชามติ 2 ครั้ง ครั้งแรก (ประชามติร่างแก้ตาม 256 กำหนดให้มี ส.ส.ร.) และครั้งที่สอง (ประชามติ ร่าง รธน.ใหม่ที่ ส.ส.ร. ทำเสร็จ)
ผมเห็นด้วยกับวิธีการที่อาจารย์ชูศักดิ์ และพรรคเพื่อไทยเสนอนี้
คำวินิจฉัยศาล รธน. 4/2564 บอกว่า การทำรัฐธรรมนูญใหม่ ต้องทำประชามติ ก็จริง แต่ไม่ได้บอกว่า ให้ทำตอนไหน ดังนั้น เมื่อ ส.ส.ร. ทำร่างใหม่เสร็จ ก็ค่อยไปทำประชามติตอนนั้นก็ได้
นอกจากนี้ การทำ รธน.ใหม่ โดยเว้นหมวด 1 หมวด 2 แบบที่พรรคเพื่อไทยต้องการ ก็ไม่ได้เข้าความหมายการทำใหม่ทั้งฉบับแบบที่ศาล รธน. บอกด้วย
ที่สำคัญ หากทำประชามติ 3 ครั้ง แล้วไปตั้งคำถามประชามติครั้งแรก (ก่อนริเริ่มแก้ตาม 256) ว่า จะทำใหม่ แบบเว้นหมวด 1 หมวด 2 ก็มีโอกาสสุ่มเสี่ยงมากที่จะไม่ผ่าน เพราะ ทั้งพลังฝ่ายก้าวหน้า และพลังฝ่ายอยากอยู่กับ 60 อาจไม่ออกไปใช้สิทธิหรือไม่เห็นชอบ จนทำให้แพ้ประชามติ และทำให้ รธน.60 เป็นอมตะ มากยิ่งขึ้น
นอกจากเรื่องการเว้นหมวด 1 และ 2 แล้ว ประเด็นที่ยังคงต้องถกเถียงและสู้กันต่อไป คือ รูปแบบและที่มาของสภาร่างรัฐธรรมนูญ
พรรคก้าวไกล (ในฐานะพรรคเสียงเกิน 100 คน) ควรเร่งผลักดันร่างแก้ไข รธน. กำหนดให้มีการจัดทำ รธน. ใหม่ เข้าไปประกบกับร่างของพรรคเพื่อไทย
สิ้นปีนี้ จะได้เห็นทิศทางของการทำรัฐธรรมนูญใหม่ชัดเจนครับ