วันที่ 13 มิ.ย. วีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ยื่นหนังสือทวงถามความคืบหน้าถึงเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ถึงกรณีที่เคยยื่นร้อง เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ปมรับแคชเชียร์เช็คจำนวน 25 ล้านบาท เมื่อ 3 มี.ค. 2564 และกรณีโพสต์เฟซบุ๊กระบุว่ามีผู้ใหญ่ใจดีซื้อรถเบนซ์ รุ่น S 560 ให้เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2564 โดยระบุว่า เป็นเวลาเกือบสองปีที่ตนเองยื่นกล่าวหาคดีนี้ ไม่เคยได้รับการติดต่อมาจาก ป.ป.ช. เรียกไปให้ปากคำและให้ข้อมูล และ เรืองไกรในฐานะผู้ถูกร้อง ก็ไม่เคยถูกเรียกมาตรวจสอบเช่นเดียวกัน
วีระ ตั้งข้อสังเกตว่า เอกสารที่ยื่นไปยังอยู่ครบทั้งหมดหรือไม่ เพราะเคยมีคนมาให้ข้อมูลกับตนเองว่าเคยยื่นเรื่องกับ ป.ป.ช. แต่มีเอกสารสำคัญบางส่วนไม่นำเข้าต่อ ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงกังวลว่าเอกสารของตนเองหายหรือไม่ เพราะหลักฐานที่ยื่นไปบางส่วนเรืองไกร ลบออกจากเฟซบุ๊กส่วนตัว หลักฐานนั้นคือข้อความที่โพสต์ว่า “ได้ของขวัญจากผู้ใหญ่ใจดีเป็นรถหรู”
วันนี้จึงมายื่นเรื่องร้องเรียน ขอให้ ป.ป.ช. เรียกตนเองเข้าไปให้ข้อมูลและตนเองจะเข้าไปตรวจสอบว่าเอกสารดังกล่าวยังอยู่ครบหรือไม่หากอยู่ไม่ครบตนเองทำสำเนาไว้ และหากหายไป ป.ป.ช. ต้องรับผิดชอบ
ส่วนกรณีที่ เรืองไกร ออกมาชี้แจงว่าผู้ใหญ่ใจดีที่ซื้อรถหรูให้คือภรรยานั้น วีระ กล่าวว่า ไม่เชื่อ เพราะว่ามีการโพสต์ที่กำกวมและให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในรายการ 'เจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์' พูดวกไปวนมา หากภรรยาซื้อให้จริง ทำไมไม่บอกตรงๆ
วีระ ยังกล่าวถึง กรณีที่ เรืองไกร ยื่นตรวจสอบหุ้น itv ของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โดยมองว่า เรืองไกร สังกัดอยู่พรรคพลังประชารัฐ ก็มักจะตรวจสอบพรรคการเมืองที่เป็นขั้วตรงข้ามกัน และไม่เคยตรวจสอบในประเด็นอื่น จึงมองว่าเป็นเรื่องการเมืองแน่นอน ตนเองมีความเชื่อว่า มีขบวนการสกัดกั้นการตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกล และสกัดกั้น พิธา เป็นนายกรัฐมนตรี ขอให้ประชาชนติดตามว่าถ้าหาก พิธา รอดผลจากเรื่องนี้ไป จะมีเรื่องอื่นมาสกัดกั้นอีกหรือไม่
นอกจากมายื่นเรื่องทวงถามความคืบหน้า กรณี เรืองไกร แล้ว ยังมายื่น ขอให้ ป.ป.ช. ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดมอบเอกสารรายการที่ 1 และ 3 กรณีคดีนาฬิกาของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้ตนเองด้วย แม้ ป.ป.ช. มีมติไม่ให้เอกสาร แต่ วีระ มองว่า เป็นมติที่ไม่ชอบ เพราะ มติ ป.ป.ช.มีศักดิ์ต่ำกว่าคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด การที่ไม่ปฏิบัติตาม ถือว่ากระทำความผิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการสัมภาษณ์ ได้มีเจ้าหน้าที่มาขอเอกสารจาก วีระ แต่ วีระ สังเกตเห็นว่า เอกสารที่เจ้าหน้าที่ถืออยู่เป็นสำเนาของหนังสือที่ตนมาร้องเรียน จึงไม่พอใจและต่อว่าพฤติกรรม ของเจ้าหน้าที่ ซึ่งถือเอกสารโดยเปิดเผย ทั้งที่เป็นหนังสือที่ลงเลขรับแล้ว ควรจะยื่นเข้าไปตามระบบไม่ใช่มาถือโชว์เปิดเผยแบบนี้
วีระ จึงถามว่าจะนำหนังสือไปให้ใคร โดยเจ้าหน้าที่ชี้แจงว่า จะนำไปให้ผู้ใหญ่ วีระ ถามต่อไปว่า ผู้ใหญ่ชื่ออะไร เพราะตามขั้นตอนแล้วคุณต้องเอาไปให้ผู้อำนวยการสำนักที่รับเรื่อง พร้อมกล่าวว่า ตนไม่สบายใจกับการกระทำแบบนี้ ต้องให้เลขา ป.ป.ช. กำชับ ป.ป.ช. ทำงานกันแบบนี้จะให้ตนไว้ใจได้อย่างไร