พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้ประชุมผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์กับผู้บังคับหน่วยทั่วประเทศ ติดตามความคืบหน้าของการปฏิบัติงาน โดยเฉพาะการสนับสนุนศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ของรัฐบาล และการปฏิบัติของหน่วยทหารตามมาตรการป้องกันและควบคุมการของการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่กองทัพบกได้กำหนดให้ดำเนินการ ทั้งนี้ ทุกกองทัพภาคได้รายงานสถานการณ์ COVID-19 ในแต่ละพื้นที่ ชี้แจงการร่วมมือกับทางจังหวัดในการคัดกรองและเฝ้าระวัง การจัดเตรียมโรงพยาบาลค่ายเพื่อรองรับผู้ป่วยระดับ 2 รวมทั้งเรื่องการบริหารจัดการหน่วยทหารตามแนวทางเว้นระยะห่างทางสังคม และการค้นหาควบคุมกลุ่มเสี่ยงให้รวดเร็ว  

สำหรับปฏิบัติการล้างสิ่งปนเปื้อนและพ่นยาฆ่าเชื้อที่กองทัพบกได้ดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค.63 ถึงปัจจุบัน โดยเริ่มจากพื้นที่ กทม. และได้มีการขยายไปยังพื้นที่ต่างจังหวัด ที่ผ่านมา ประชาชนมีความเชื่อมั่นและตอบรับเป็นอย่างดี เพราะเห็นประโยชน์ในเรื่องการสร้างพื้นที่ให้สะอาด ลดการสะสมของเชื้อโรค และสร้างแรงจูงใจให้ช่วยกันดูแลอาคารบ้านเรือนของตนเอง ขณะเดียวกันประชาชนเสนอความคิดเห็นผ่านผลการสำรวจขอให้กองทัพบกดำรงปฏิบัติการนี้ต่อเนื่อง ในเรื่องดังกล่าว ผบ.ทบ. ได้สั่งการให้หน่วยทหารยืดระยะเวลาในปฏิบัติการล้างสิ่งปนเปื้อนและฆ่าเชื้อตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ โดยให้เน้นพื้นที่ชุมชนที่มีประชาชนพักอาศัยเป็นจำนวนมาก ล่าสุด กองทัพบกได้รับการสนับสนุนสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ที่จะนำมาเป็นสารฆ่าเชื้อเพิ่มเติมและจะมอบให้หน่วยทหารนำไปดำเนินการในพื้นที่ต่างๆ ต่อไป สำหรับผลการดำเนินการล้างสิ่งปนเปื้อนใน กทม.ในช่วง 12 วันที่ผ่านมา (18 – 29 มี.ค.63) หน่วยทหารได้เข้าทำความสะอาดในพื้นที่เป้าหมายและพื้นที่ที่ได้รับการร้องขอแล้ว 244 พื้นที่ รวมระยะทาง 304 กิโลเมตร

ทั้งนี้ พล.อ.อภิรัชต์ ได้กล่าวขอบคุณผู้บังคับหน่วย ที่ได้ตั้งใจและทุ่มเทปฏิบัติตามมาตรการป้องกันไวรัส COVID-19 ของกองทัพบกพร้อมแจ้งให้ทราบว่า กองทัพบก ได้จัดทำแผนแม่บทในการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ไวรัส COVID-19 ครอบคลุมในทุกสายงาน ย้ำให้ ผู้บังคับหน่วยให้ความสำคัญกับมาตรการพิทักษ์กำลังพล ทั้งการปฏิบัติในระดับหน่วย เฉพาะบุคคล การออกไปปฏิบัติงานภายนอก การดูแลทหารกองประจำการ และการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อประโยชน์ต่อการสอบสวนโรค พร้อมกันนี้ผบ.ทบ.ได้มอบหมายให้กรมกำลังพลทหารบกดำเนินการออกระเบียบให้ทหารหญิง และพนักงานราชการหญิงที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์ สามารถปฏิบัติงาน ณ ที่พักอาศัยตามมาตรการทำงานที่บ้าน เพื่อลดความเสี่ยงและสร้างความปลอดภัยให้บุตรในครรภ์ รวมทั้งได้กำชับให้ทุกหน่วยดำรงความเข้มงวดในมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ทั้งที่ปฏิบัติงานอยู่ในหน่วย หรือออกไปปฏิบัติภารกิจภายนอก โดยเฉพาะการออกปฏิบัติงานในจุดตรวจ จุดคัดกรองต่างๆ