ที่ประชุมวุฒิสภาสหรัฐฯ ไม่สามารถลงมติอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณก่อสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก หรือ 'กำแพงทรัมปื' ซึ่งใช้เงินประมาณ 5,000 ล้านดอลลาร์ ส่งผลกระทบต่อการพิจารณากฎหมายงบประมาณของหน่วยงานรัฐบาลอีกหลายแห่งทั่วประเทศไปด้วย และหน่วยงานที่ได้รับผลกระทบทั้งหมดจะต้องปิดทำการชั่วคราว หรือเข้าสู่ภาวะ 'ชัตดาวน์' หลังเที่ยงคืนของวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ ตรงกับเวลาเที่ยงวัน 22 ธ.ค. ตามเวลาไทย และมีผลต่อไปจนกว่าวุฒิสภาจะหาข้อตกลงและมีมติเห็นชอบร่วมกันได้
ภาวะชัตดาวน์ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ในระยะเวลา 1 ปี โดยที่การชัตดาวน์ในครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากที่ประชุมวุฒิสภาบรรลุข้อตกลงผ่านร่างงบประมาณชั่วคราว แต่ไม่รวมงบประมาณสร้างกำแพงกั้นเม็กซิโกตามที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สังกัดพรรครีพับลิกัน พยายามผลักดันให้สำเร็จตามนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ ทำให้นายทรัมป์ประกาศว่าจะไม่ลงนามรับรองร่างงบประมาณดังกล่าว และวุฒิสภาสหรัฐฯ จะต้องเปิดประชุมอีกครั้งช่วงเที่ยงวันที่ 22 ธ.ค.ตามเวลาสหรัฐฯ หรือประมาณเที่ยงคืนวันเสาร์ที่ 23 ธ.ค.ตามเวลาไทย เพื่อจะอภิปรายร่างงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง โดยหวังว่าจะได้ข้อยุติซึ่งเป็นที่พอใจกันทุกฝ่าย
ด้านประธานาธิบดีทรัมป์ได้ทวีตข้อความโจมตีพรรคฝ่ายค้านเดโมแครตซึ่งคัดค้านงบสร้างกำแพง โดยระบุว่าพรรคเดโมแครตเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบภาวะชัตดาวน์ครั้งนี้ พร้อมกดดันว่าภาวะชัตดาวน์จะต้องไม่กินเวลานานนัก ซึ่งถูกมองว่าเป็นการกดดันให้ ส.ว.พรรคเดโมแครตยอมรับข้อต่อรองจากฝ่ายรัฐบาล
ขณะที่ชัค ชูมเมอร์ แกนนำวุฒิสมาชิกของพรรคเดโมแครต กล่าวต่อที่ประชุมวุฒิสภาก่อนหน้านี้แล้วว่า พรรคเดโมแครตจะไม่ปล่อยให้งบสร้างกำแพงผ่านมติสภาไปอย่างแน่นอน ทำให้รอยเตอร์รายงานว่า ภาวะชัตดาวน์ครั้งนี้เป็นภาพสะท้อนความปั่นป่วนทางการเมืองของสหรัฐฯ ขณะที่การเลือกตั้งกลางเทอมทั่วประเทศเมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้พรรคเดโมแครตเป็นเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร และผู้ชนะการเลือกตั้งจะเข้าปฏิบัติหน้าที่ในปีหน้า จึงไม่ใช่สัญญาณที่ดีนักของรัฐบาลทรัมป์ เพราะเพรรครีพับลิกันอาจเคลื่อนไหวในด้านนิติบัญญัติได้ยากขึ้น
หน่วยงานรัฐบาลที่ได้รับผลกระทบและต้องเข้าสู่ภาวะชัตดาวน์ชั่วคราว คิดเป็น 1 ใน 4 ของหน่วยงานทั้งหมด โดยกระทรวงที่สำคัญๆ เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงแรงงาน และกระทรวงสาธารณสุข จะไม่ได้รับผลกระทบ เพราะได้รับงบประมาณอุดหนุนเต็มจำนวนไปแล้วจนถึงวันที่ 30 ก.ย. 2562 แต่หน่วยงานที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ หน่วยงานป้องกันชายแดน และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ ซึ่งเว็บไซต์ธุรกิจ 'มาร์เก็ตวอตช์' ประเมินว่าเจ้าหน้าที่ประมาณ 420,000 รายจะต้องหยุดงานหรือไม่ก็ต้องทำงานโดยไม่ได้รับค่าตอบแทนจนกว่าสภาคองเกรสจะบรรลุข้อตกลงผ่านร่างงบประมาณ
ที่ผ่านมา ทรัมป์พยายามผลักดันโครงการสร้างกำแพงกั้นระหว่างสหรัฐฯ และเม็กซิโก เพื่อสกัดผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายและเครือข่ายค้ายาเสพติด ซึ่งในช่วงแรกเขาเรียกร้องให้ฝ่ายรัฐบาลเม็กซิโกเป็นผู้รับผิดชอบงบประมาณก่อสร้าง แต่ถูกปฏิเสธ ขณะที่พรรคเดโมแครตและองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนประณามว่าโครงการดังกล่าวเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทั้งยังเข้าข่าย 'เลือกปฏิบัติ' และขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน เพราะผู้อพยพที่เดินทางผ่านพรมแดนเม็กซิโกมายังสหรัฐฯ ไม่ได้มีแต่ผู้ลักลอบเข้าเมืองหรือแก๊งค้ายา แต่ยังรวมผู้อพยพลี้ภัยความขัดแย้งและภัยทางการเมืองต่างๆ ซึ่งสหรัฐฯ เป็นประเทศภาคีอนุสัญญาฯ แห่งสหประชาชาติ และมีหน้าที่ต้องให้ความช่วยเหลือกลุ่มคนเหล่านี้ แต่สถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอยนับตั้งแต่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี 2560 เป็นต้นมา
อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันที่เห็นด้วยกับนโยบายก่อสร้างกำแพงของทรัมป์ ได้ร่วมกันรณรงค์ภายใต้แคมเปญ We the People Will Fund the Wall ผ่านสื่อออนไลน์ GoFundMe เรียกร้องประชาชนฝ่ายที่สนับสนุนทรัมป์ ร่วมบริจาคเงินสมทบทุนในโครงการก่อสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก โดยนับตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีผู้ร่วมบริจาคเงินแล้วกว่า 14 ล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะมีผู้ร่วมบริจาคเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ที่มา: AP/ Market Watch/ Reuters