ไม่พบผลการค้นหา
"เสรีพิศุทธ์" ชี้กรณีผู้บังคับบัญชาโกงเบี้ยเลี้ยงทหารเรื่องนี้มีมานานแล้ว เตรียมเรียกประชุม กมธ.ปราบโกง สะสางเรื่องอื้อฉาว ขณะ"หมู่อาร์ม" ยันไม่มีใครอยากทำลายชื่อเสียงกองทัพ หากผู้บังคับบัญชาไม่ทุจริต ระบุร้องเรียนภายในไม่มีผล จวกป.ป.ช.ไม่ใส่ใจคดีทหารชั้นผู้น้อย

นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน พร้อมด้วย น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา นักเคลื่อนไหวทางสังคม นำส.อ.ณรงค์ชัย อินทรกวี หรือ "หมู่อาร์ม" สังกัดศูนย์ซ่อมสร้างสิ่งอุปกรณ์สายสรรพาวุธ กรมสรรพาวุธทหารบก เข้าร้องเรียนต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร หรือ กมธ.ปราบโกง ที่พรรคเสรีรวมไทย เขตบางขุนนนท์ เพื่อร้องเรียนกรณีกองทัพบก หน่วยสรรพาวุธ ผู้บังคับบัญชา ตั้งโครงการ โกงเงินเบี้ยทหารชั้นผู้น้อย ในรูปแบบต่างๆ หลังจากหมู่อาร์ม ออกมาเปิดโปงก่อนหน้านี้ 

นายวีระ เชื่อว่า หลักฐานที่มีอยู่ เป็นเพียงส่วนหนึ่งในการทุจริตของกองทัพบกแต่เฉพาะเรื่อง การไปราชการและจัดอบรมที่ทุจริตนี้พิจารณาต่างกรรมต่างวาระผู้เกี่ยวข้องจะติดคุกเป็นร้อยปี แต่ทุกฝ่ายต้องช่วยเหลือกัน เพื่อให้เรื่องลักษณะนี้ไม่เงียบหายไป รวมถึงสวัสดิภาพของทหารชั้นผู้น้อยที่ออกมาเปิดโปงด้วย

นายวีระ แสดงหลักฐานบางส่วนที่สำคัญคือ หนังสือขออนุมัติเดินทางไปราชการชั่วคราวของศูนย์ซ่อมสร้างสิ่งอุปกรณ์สายสรรพาวุธ ลงวันที่ 18 เม.ย.2560 ระบุไปราชการระหว่างวันที่ 19-21 เม.ย.2560 ที่จังหวัดนครราชสีมา และเดือนมิ.ย.อีกครั้งหนึ่ง ที่เปลี่ยนแต่เลขหัวหนังสือและวันเดินทาง โดยเบิกงบประมาณ 18, 360 บาท มีรายชื่อทหารกลุ่มเดิม 25 คน แต่ไม่ได้มีการเดินทางไปราชการจริงและถูกบังคับให้เซ็นชื่อรับรอง รวมถึงการอนุมัติไปราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ช่วงปลายเดือนเม.ย.และเดือนมิ.ย. เบิกงบ 12,240 บาท ก็เป็นการทุจริตในลักษณะเดียวกัน 

หลักฐานอนุมัติโครงการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ป้องกันยาเสพติด ช่วงเดือนมิ.ย.และเดือนก.ค.2562 ใช้รายชื่อทหารที่เข้าร่วมชุดเดิม โดยนายทหารยศพันโท ปัจจุบันเป็นยศพันเอก ที่ทำโครงการเขียนใบเสร็จเอง จัดซื้อวัสดุร้านค้า จังหวัดปปทุมธานี 4,000 บาท

รวมถึงโครงการอบรมเยาวชนป้องกันยาเสพติดในลักษณะเดียวกัน ที่ไม่มีการอบรมจริง มีการเบิกค่าอาหารและค่าวิทยากร โดยใช้รายชื่อทหาร 25 นายเช่นเดิม แต่เรียงชื่อไขว้กันหรือสลับลำดับจากโครงการก่อนหน้า โดยให้ทหารหญิงยศสิบโท ออกใบเสร็จจำนวน 15,600 บาท ที่สำคัญนายทหารยศพันเอกที่เป็นวิทยากร เป็นผู้หนีราชการ จากการถูกกล่าวหาว่าโกงเงินธนาคารออมสินและเงินสหกรณ์ด้วย

ด้าน "หมู่อาร์ม" ยืนยันว่าตนไม่เคยเข้าร่วมโครงการแต่ถูกบังคับให้จำใจต้องลงชื่อเช่นเดียวกับทหารชั้นผู้น้อยคนอื่นๆ และได้เคยทักท้วงผู้บังคับบัญชาไปแล้ว แต่กลับถูกกลั่นแกล้งลงโทษทางวินัย พร้อมยืนยันว่า การร้องเรียนภายในกองทัพผ่านลำดับชั้นการบังคับบัญชาไม่ได้ผล ยิ่งร้องทุกข์ก็ยิ่งถูกลงโทษหนักขึ้น โดยข้อมูลเชิงลึกและรายละเอียดต่างๆจะรอชี้แจงกับ กมธ.ปราบโกง

"หมู่อาร์ม" กล่าวด้วยว่า ตนยังไม่มีครอบครัว ไม่มีลูก จึงขอเป็นตัวแทนนายทหารชั้นผู้น้อยออกมาเปิดโปงเรื่องนี้ ที่เชื่อว่าเป็นการทำเพื่อทหารรุ่นน้อง เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ ซึ่งไม่มีทหารคนไหนอยากทำให้กองทัพเสียชื่อเสียง หากผู้บังคับบัญชาใส่ใจและไม่มีการทุจริตในกองทัพอย่างที่ปรากฏ 

"หมู่อาร์ม" ยังเรียกร้องไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ที่ได้ตนได้ยื่นเรื่องไว้พร้อมขอการคุ้มครองพยานตามกฎหมายตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่กลับนิ่งเฉย ซึ่งตามกฎหมายหากข้าราชการชั้นผู้น้อยให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ป.ป.ช.สามารถคุ้มครองพยานและให้เปลี่ยนหน่วยงานสังกัดในอัตรายศหรือตำแหน่งเทียบเท่าสังกัดเดิมได้ เพื่อความปลอดภัยและ ประโยชน์ในการ สืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง จึงอยากให้ ป.ป.ช.ใส่ใจและให้ความสำคัญในเรื่องนี้ด้วย

ขณะที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวขอบคุณผู้เกี่ยวข้องที่มาให้ข้อมูลแล้วร้องเรียนต่อ กมธ.ฯ ที่แม้ปิดการประชุมไปตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.แล้ว โดยเห็นว่า การทุจริตในลักษณะทำโครงการเบิกจ่ายงบ แต่ไม่มีการอบรมจริง หรือการโกงเบี้ยเลี้ยงทหารชั้นผู้น้อย เป็นเรื่องปกติของหน่วยงานทหารที่ทำอย่างนี้มาตลอด ซึ่งจะไม่รอให้มีการเปิดประชุมสภาฯ โดยจะรอการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็จะเรียกประชุม กมธ.ฯ ทันที เพราะเรื่องนี้ต้องเร่งดำเนินการ ไม่เช่นนั้นอาจบานปลายแบบกรณี "จ่าคลั่งโคราช" ที่ทหารชั้นผู้น้อยถูกกดดัน

พร้อมกันนี้ได้ให้กำลังใจและขอให้ "หมู่อาร์ม" ต้องใจเย็น ไม่ทำแบบกรณีโคราช ส่วนที่ทางกองทัพจะแจ้งความเอาผิด "หมู่อาร์ม" ฐานลักทรัพย์ที่เป็นเอกสารราชการนั้น ก็ถือเป็นสิทธิ์ของกองทัพที่จะดำเนินการ โดย กมธ.ฯ จะช่วยดูแลเรื่องความถูกต้องเป็นธรรมอย่างเต็มที่