ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พร้อมด้วย นพ.วีระพันธ์ ลีธนะกุล ผู้อำนวยการ สปสช. เขต 13 กรุงเทพมหานคร ได้ติดตามผลการดำเนินงาน "โครงการหน่วยบริการร่วมให้บริการทันตกรรมเขตกรุงเทพมหานคร ปีงบประมาณ 2562" โดยลงพื้นที่ "คลินิกทันตกรรมไอวอรี่เฮ้า" ในเขตมีนบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในคลินิกทันตกรรมเอกชนที่เข้าร่วมโครงการฯ
ทพ.อรรถพร กล่าวว่า โครงการหน่วยบริการร่วมให้บริการด้านทันตกรรมเป็นหนึ่งใน 4 โครงการเชิงรุกของ สปสช.เขต 13 กทม. เพื่อดูแลชาว กทม.ให้มีสุขภาพที่ดี เป็นที่ทราบกันดีว่าการดูแลสุขภาพในช่องปากและฟันเป็นสิ่งสำคัญเพราะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่นำมาสู่สุขภาพที่ดี หากเคี้ยวอาหารไม่ได้หรือช่องปากมีปัญหา ร่างกายจะมีปัญหาสุขภาพอื่นตามมาได้ ดังนั้นภายใต้กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ได้บรรจุบริการด้านทันตกรรมส่งเสริมป้องกันและทันตกรรมรักษาตามช่วงกลุ่มวัยไว้ในชุดสิทธิประโยชน์ เพื่อดูแลประชาชนให้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี
ในส่วนเขตกรุงเทพมหานครด้วยมีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น ทั้งประชากรที่มีทะเบียนบ้านในกรุงเทพฯ และประชากรแฝง ประมาณการจำนวนกว่า 10 ล้านคน ประกอบกับจำนวนหน่วยบริการทันตกรรมในโรงพยาบาลที่มีอยู่อย่างจำกัด สปสช.เขต 13 กทม.จึงได้ขยายบริการทันตกรรมส่งเสริมป้องกันไปยังหน่วย บริการร่วมทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการได้ ซึ่งในปีงบประมาณ 2562 มีหน่วยบริการร่วมด้านทันตกรรมเพิ่มเติม จำนวน 150 แห่ง โดยเป็นศูนย์การบริการสาธารณสุข กทม.จำนวน 68 แห่ง และคลินิกทันตกรรมเอกชน จำนวน 82 แห่ง
โดยให้บริการควบคุมและป้องกันปัญหาสุขภาพช่องปากและฟันผุในทุกกลุ่มวัย เน้นกลุ่มเด็กปฐมวัยและกลุ่มผู้สูงอายุ อาทิ ตรวจสุขภาพช่องปากและฟัน พร้อมให้คำแนะนำ เคลือบฟลูออไรด์เจลหรือทาฟลูออไรด์วาร์นิชในกลุ่มเสี่ยงสำหรับเด็ก การเคลือบฟลูออไรด์เจล หรือทางฟลูออไรด์วาร์นิชเข้มข้นสูงเฉพาะที่สำหรับเด็กอายุ 6-20 ปี เคลือบหลุ่มร่องฟันหลังถาวรซี่ที่ 6, 7 และ 4, 5 ทาฟูลออไรด์วานิชสำหรับผู้สูงอายุ ขูดหินปูนและทำความสะอาดฟันทั้งปากในหญิงตั้งครรภ์ อุดฟัน และถอนฟัน เป็นการส่งเสริมให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น
ทพ.อรรถพร กล่าวว่า สำหรับ "คลินิกทันตกรรมไอวอรี่เฮ้า" เป็นหนึ่งในคลินิกทันตกรรมเอกชนที่เข้าร่วมโครงการฯ กับ สปสช. ให้บริการด้านทันตกรรมกับประชาชนทุกสิทธิในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่มีเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. – 31 ส.ค. 2562 ได้ให้บริการประชาชนแล้วกว่า 1,500 ราย โดยทางคลินิกทันตกรรมจะเบิกจ่ายชดเชยค่าบริการจากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ นับเป็นตัวอย่างของความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน และการสร้างการมีส่วนร่วมเพื่อร่วมดูแลสุขภาพให้กับประชาชน
“การมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีย่อมนำมาสู่การมีสุขภาพที่ดี การส่งเสริมและป้องกันจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะในเด็กหากฟันผุก็จะเคี้ยวได้ลำบาก กระทบต่อด้านโภชนาการที่มีผลในการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็ก ผู้ใหญ่เองก็จะกระทบต่อสุขภาพร่างกายที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตเช่นกัน ดังนั้นขอเชิญชวนคลินิกทันตกรรมใน กทม. ร่วมเป็นหน่วยบริการด้านทันตกรรม เพื่อร่วมดูแลให้ประชาชนให้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี” รองเลขาธิการ สปสช. กล่าว
ด้าน นพ.วีระพันธ์ กล่าวว่า กรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่พิเศษ นอกจากมีจำนวนประชากรหนาแน่นแล้ว ยังเป็นเมืองที่มีความซับซ้อน การจัดบริการเพื่อให้ชาว กทม.เข้าถึงบริการจึงต้องมีการพัฒนารูปแบบการจัดบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถรองรับการดูแลประชากรและวิถีชีวิตของชาว กทม.ได้ ซึ่งความร่วมมือหน่วยบริการร่วมทันตกรรมด้านส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคเป็นรูปแบบหนึ่งของการจัดบริการที่ สปสช.เขต 13 กทม. ได้พัฒนาขึ้น
เนื่องด้วยจำนวนคลินิกทันตกรรมเอกชนใน กทม.ที่มีอยู่จำนวนมากและกระจายอยู่ในชุมชนต่างๆ จึงน่าจะเป็นทางเลือกหนึ่งในการเข้าถึงบริการทันตกรรมด้านส่งเสริมและป้องกัน ช่วยเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงบริการให้กับชาว กทม.ได้ ขณะเดียวกันยังลดคิวการรอคอยรับบริการทันตกรรมที่โรงพยาบาล นอกจากนี้ในส่วนของสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ยังได้จัดบริการทันตกรรมที่ศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 68 แห่ง สามารถช่วยรองรับประชาชนได้ส่วนหนึ่งให้เข้าถึงบริการทันตกรรมด้านส่งเสริมป้องกันเพิ่มขึ้นได้
ทพ.มณฑล ศักดานุวัฒนกุล ผู้ประกอบการคลินิกทันตกรรมไอวอรี่เฮ้า กล่าวว่า หลังทราบว่า สปสช.มีโครงการนี้จึงได้เข้าร่วม เพราะมองว่าเป็นโอกาสอันดีในการช่วยให้ประชาชนในพื้นที่เข้าถึงบริการทันตกรรมด้านส่งเสริมสุขภาพป้องกันได้ เริ่มแรกได้ประชาสัมพันธ์ผ่านเพจของคลินิกฯ ทำให้มีประชาชนสิทธิบัตรทองมาลองมารับบริการ และได้ชวนคนในครอบครัวและชุมชนที่มีสิทธิรักษาอื่นๆมารับบริการเพิ่ม ทำให้แต่ละวันมีประชาชนสิทธิบัตรทองมารับบริการที่คลินิก 20-50 คนต่อวัน ส่วนการเบิกจ่ายชดเชยก็ไม่เป็นปัญหา ส่วนตัวมองว่าหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเป็นระบบที่ดี ทำให้ประชาชนจากที่ไม่เคยเข้าถึงบริการสามารถบริการสุขภาพที่ดีได้