นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) กล่าวภายหลังหารือร่วมกับวิปฝ่ายค้าน วิปรัฐบาล และประธานสภาผู้แทนราษฏร ว่า ผลการหารือมีข้อสรุปชัดเจนเรื่องกรอบเวลา โดยฝ่ายค้านเหลือเวลาการอภิปรายทั้งสิ้น 31 ชั่วโมง ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลเหลือ 10 ชั่วโมง ซึ่งฝ่ายใดใช้เวลาหมดแล้วจะไม่มีสิทธิชี้แจงได้อีก ซึ่งกรอบเวลาที่กำหนดร่วมกันดังกล่าวจะทำให้การอภิปรายจบลงในเวลา 19.00 น. ของวันที่ 27 ก.พ. ซึ่งไม่นับรวมเวลาสรุปผลการอภิปรายอีก 2 ชั่วโมง
นายสุทิน กล่าว นอกจากเรื่องการแบ่งเวลาแล้วยังมีการพูดคุยซักซ้อมกันกันอีกหลายเรื่อง เช่น กำชับให้รัฐมนตรีตอบข้อชี้แจงเท่าที่จำเป็น และต้องแจ้งนายกรัฐมนตรีทราบเป็นระยะว่าฝ่ายรัฐบาลมีเวลาเหลือเท่าไหร่ โดยสองฝ่ายตกลงกันว่าจะการประท้วงให้น้อยลง เพื่อรักษาเวลา ซึ่งหากฝ่ายใดประท้วงฝ่ายนั้นก็จะถูกตัดเวลา อีกทั้ง ไม่กังวลว่าหากฝ่ายรัฐบาลใช้เวลาหมดแล้วจะขอปิดการประชุม เนื่องจากรัฐธรรมนูญระบุไว้ชัดเจนว่าต้องอภิปรายจนจบกระบวนความก่อน เช่น หากคืนวันที่ 28 ก.พ. ยังไม่จบก็อาจจะถึงขั้นขอเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญได้ ดังนั้นการขอยื่นขอปิดการอภิปรายทำได้ยาก
สำหรับภาพรวมการภิปรายของฝ่ายค้านนั้น ต้องให้สื่อมวลชนเป็นผู้ประเมิน แต่เชื่อว่าวันนี้จับทิศทางได้มีเนื้อหาสาระดีขึ้น อีกทั้งเย็นวันเดียวกันนี้ก็มีผู้อภิปรายสำคัญหลายคน ซึ่งยอมรับว่าเมื่อวานนี้(24 ก.พ.) อาจเพรี่ยงพร้ำบ้าง แต่วันนี้จะจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบ โดยประเด็นการอภิปรายจะครอบคลุมไม่ใช่แค่ประเด็นเศรษฐกิจ แต่จะมีเรื่องเหมืองอัครา เรื่องความมั่นคง เรื่องการทวงสัญญาที่ไม่ทำ และเรื่องการถวายสัตย์ฯ ช็อตเด็ดจึงอยู่ที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย นอกจากนี้ยังมีเรื่องความมั่นคงและกองทัพ ที่จะอธิบายโดยส.ส. อดีตพรรคอนาคตใหม่ ส่วนรูปแบบการอภิปรายก็จะปรับตามสถานการณ์
เมื่อถามว่า ตามหลักแล้วสามารถโยนให้รัฐมนตรีอภิปรายแทนได้หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า เดิมตนก็คิดว่าไม่ได้ แต่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ได้ยกเคสน.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มอบหมายให้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตรมช.พาณิชย์ อภิปรายแทน จึงคิดว่าทำได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง