ไม่พบผลการค้นหา
กมธ.ทหารฯ จ่อเชิญ รมว.กห.-ผบ.ทร. แจงปม ร.ล.สุโขทัย อัปปาง ‘พิจารณ์’ ถามเสื้อชูชีพแพงไปเหรอ ถึงมีไม่ครบ มองทัพเรือบกพร่องการสื่อสาร ย้ำต้องถอดบทเรียนเพราะมีเรือรบแบบเดียวกันอีกหลายลำ

วันที่ 21 ธ.ค. 65 พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงการทำงานของคณะกรรมาธิการฯ ต่อกรณีเรือหลวงสุโขทัยอัปปาง

พิจารณ์ กล่าวว่า ทางคณะกรรมาธิการฯ จะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) มาชี้แจง ในประเด็นข้อสงสัย ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุการณ์ เช่น สภาพความพร้อมของเรือหลวงสุโขทัย 

“การติดตั้งอุปกรณ์อาวุธต่างๆ บนเรือหลวงสุโขทัย ถือว่ามีขีดความสามารถหรือคุณค่าทางยุทธการสูงมาก แต่เราไม่แน่ใจว่าอยู่ในสภาพพร้อมรบแค่ไหน จึงเป็นที่มาที่เมื่อเจอคลื่นลมในทะเลจึงเกิดการอัปปาง”

พิจารณ์ กล่าวต่อไปว่า โดยส่วนตัวเชื่อว่า เหตุการณ์นี้ไม่น่าจะเกิดจากความผิดพลาดของกำลังพล ตลอดจนคลื่นลมที่มีการพยากรณ์อากาศล่วงหน้าไว้อยู่แล้ว ทั้งนี้ จากการที่ได้ฟังผู้บัญชาการทหารเรือ ชี้แจงว่าเกิดจากคลื่นที่รุนแรงเป็นพิเศษจนทำให้เรือหลวงสุโขทัยไม่สามารถรับได้ไหวนั้น ส่วนตัวคิดว่าควรมีการตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเรือว่าพร้อมเดินเรือออกไปหรือไม่ 

สำหรับกรณีทหารบางนายระบุว่า ในฐานะที่เรือหลวงสุโขทัยเป็นเรือรบจึงต้องออกปฏิบัติการนั้น พิจารณ์ มองว่า ฟังดูก็แปลก ๆ เพราะแค่เสื้อชูชีพ 30 ตัวก็ยังมีไม่เพียงพอ จึงยังดูมีอะไรที่ย้อนแย้งกันอยู่ 

พิจารณ์ กล่าวต่อไปว่า ต้องมีการตรวจสอบขั้นตอนการช่วยเหลือภายหลังเกิดเหตุการณ์ด้วยว่าเป็นอย่างไร เนื่องจากเรือหลวงกระบุรีที่เป็นเรือลำแรกที่เข้าให้การช่วยเหลือนั้น ได้เข้าไปขณะที่เรือหลวงสุโขทัยยังไม่อัปปาง จึงต้องสอบถามว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไรในขณะนั้น เราจำเป็นต้องถอดบทเรียน เพราะมีเรือรบอีกหลายลำที่มีลักษณะเหมือนเรือหลวงสุโขทัย

“ผมคิดว่าระดับเรือรบสุโขทัยแล้วอัปปางด้วยเหตุผลของคลื่น มันเป็นเรื่องที่ใหญ่มากและไม่ควรจะเกิดขึ้น ในระดับสากลอย่างกองทัพสหรัฐฯ ก็ไม่ปรากฏเรือรบที่อัปปางด้วยคลื่นลม” 

เมื่อถามถึงคำวิจารณ์ต่อคำแถลงของผู้บัญชาการทหารเรือเมื่อวานนี้ (20 ธ.ค. 65) ที่ระบุว่า แม้จะมีเสื้อชูชีพ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะรอดชีวิตนั้น พิจารณ์ ตอบว่า มีความไม่สบายใจอยู่ 2 ประเด็น ได้แก่

1. การสื่อสารของกองทัพเรือ หากย้อนไปตั้งแต่เกิดเหตุการณ์นั้น มีการเปิดเผยว่าสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ทั้งหมด ก่อนจะปรากฏข่าวในภายหลังว่ายังไม่สามารถช่วยเหลือได้ถึง 30 ชีวิต ต่อมาในการแถลงข่าววานนี้ มีการเปิดเผยตัวเลขผู้ประสบภัยว่ามีทั้งหมด 6 ราย ปลอดภัย 2 ราย เสียชีวิต 4 ราย แต่เมื่อเปิดรายชื่อ กลับบอกว่ามีผู้รอดชีวิตเพียง 1 ราย

2. ผู้บัญชาการทหารเรือ พยายามหาตรรกะเหตุผลที่จะอธิบายให้เห็นว่า เสื้อชูชีพที่ขาดไป 30 ตัวจะทำให้โอกาสการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจะมากขึ้นหรือน้อยลงไป คำอธิบายเช่นนี้เองที่ทำให้เกิดความขุ่นเคืองต่อพี่น้องประชาชน และเกิดข้อสงสัยต่อการทำงานของกองทัพเรือ 

“ตกลงแล้ว เสื้อชูชีพไม่กี่ตัว มันแพงมากเหรอ ? มันถึงให้ครบทุกคนไม่ได้” พิจารณ์ กล่าวทิ้งท้าย

ขณะที่ ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส. สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษกกรรมาธิการการทหาร ยังกล่าวแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัยอัปปาง พร้อมเปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (22 ธ.ค. 65) เวลา 13:00 น. จะนำเรื่องนี้เข้าสู่วาระการประชุมกรรมาธิการฯ เพื่อเรียกผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้บัญชาการทหารเรือ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มาชี้แจงถึงแนวทางปฏิบัติงานในหน่วยงานดังกล่าว