พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึง ความพร้อมในการเลือกตั้งซ่อม เขต 9 (หลักสี่-จตุจักร) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 30 ม.ค. นี้ ว่า จากการไปช่วย กรุณพล เทียนสุวรรณ หรือ เพชร ผู้สมัคร เบอร์ 6 ตัวแทนจากพรรคก้าวไกล หาเสียงช่วงที่ผ่านมา ขณะนี้เข้าสู่โค้งสุดท้ายแล้ว รู้สึกดีใจที่กระแสตอบรับพวกเรามากขึ้นเรื่อยๆ สวนทางกับรัฐบาลที่มีแต่เสียงบ่นถึงความไม่ได้เรื่องในการบริหารประเทศ พี่น้องประชาชนกำลังต้องการทางเลือกใหม่ ความหวังใหม่ และอนาคตใหม่เข้ามาเปลี่ยนแปลง ซึ่งพรรคก้าวไกลก็คือคำตอบนั้น จึงค่อนข้างมั่นใจว่า พวกเราจะรับเสียงสนับสนุนจากประชาชนเป็นอันดับ 1 ในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้
“ในวันที่ 30 มกราคม เป็นวันเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม. เขตหลักสี่ จตุจักร เราจะส่งตัวแทนพรรค 280 คน ไปประจำหน่วยเลือกตั้งทั้ง 280 หน่วย ทั้งหมดเป็นอาสาสมัครที่พรรคเปิดรับ ต้องบอกว่านี่เป็นครั้งแรกในการเลือกตั้งซ่อม ที่พรรคก้าวไกลมีอาสาสมัครเข้ามาร่วมสังเกตการณ์ด้วยกันมากกว่าจำนวนหน่วยเลือกตั้งที่มีเสียอีก สะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนตื่นตัวและใส่ใจการเลือกตัวแทนไปเป็นปากเสียงของเขาอย่างมาก รวมถึงต้องการเห็นชัยชนะของพรรคก้าวไกล อยากให้ในสภามี เพชร กรุณพล ไปทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลแทนพวกเขา”
พิจารณ์ กล่าวต่อไปว่า ความตื่นตัวที่เกิดขึ้นยังสะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนไม่มั่นใจในการทำงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หรือเชื่อว่าจะมีการโกงการเลือกตั้งเกิดขึ้น จึงอยากเรียกร้องไปยัง กกต. ให้รักษาความเที่ยงธรรมในการเลือกตั้งในครั้งนี้ให้ได้มากที่สุด เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากประชาชนกลับมา การเลือกตั้งถือเป็นหัวใจของระบอบประชาธิปไตย หากมีการเอื้อประโยชน์หรือปล่อยให้มีการโกงเกิดขึ้นก็เท่ากับเปิดทางให้กับการปล้นเจตนารมณ์ของประชาชน
“นอกจากอาสาสมัครหรือตัวแทนพรรคที่ไปประจำตามหน่วยเลือกตั้ง เรายังมีทีมลาดตระเวน และทีมอาสาสมัครประจำชุมชนเพื่อเก็บหลักฐานและรับการแจ้งเบาะแสการซื้อเสียงหรือความเคลื่อนไหวไม่ปกติต่างๆที่เกิดขึ้นในพื้นที่มาโดยตลอด เมื่อคืนนี้ ก็มีข้อมูลหลักฐานการนัดจ่ายเงินรายหัวในชุมชนแห่งหนึ่งรายงานเข้ามาทาง เราจะทำการรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเพื่อส่งต่อหน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการต่อไป สำหรับ วันที่ 30 ม.ค. นี้ ขอให้ออกมาใช้สิทธิกันมากๆ เข้าใจดีว่าเป็นวันจ่ายในเทศกาลตรุษจีน แต่ก็ขอให้สละเวลาออกมาใช้สิทธิใช้เสียง โหวตให้ถล่มทลายอีกครั้งเหมือนวันที่เคยเลือกพรรคอนาคตใหม่ เพื่อส่ง เพชร กรุณพล เบอร์ 6 พรรคก้าวไกล เข้าสภา” รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าว
พิจารณ์ ระบุว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ใช่แค่การเลือกผู้แทนของชาวหลักสี่-จตุจักร แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ คือการบอกว่าประชาชนต้องการพรรคการเมืองที่มีนโยบาย อุดมการณ์ และความฝัน-ความเชื่อแบบไหนมาบริหารประเทศนี้ จากการที่ตนได้เดินหาเสียงมา ประชาชนพูดกันมากว่ากลัวฝั่งประชาธิปไตยจะไม่ชนะเพราะจะตัดคะแนนกันเอง แต่ตนขอย้ำอีกครั้ง ว่ารอบนี้อย่างไรฝั่งประชาธิปไตยก็ชนะ เพราะไม่มีใครเอารัฐบาล พล,อ.ประยุทธ์แล้ว การเลือกตั้งครั้งนี้เปรียบเสมือนการเลือกตั้งใหญ่ คือการปักธงทางความคิด เพื่อยืนยันว่าสิ่งที่พรรคก้าวไกลต่อสู้มาตลอดคือสิ่งที่ประชาชนต้องการ คือผู้แทนแบบพรรคก้าวไกล ที่อยู่กับประชาชนที่ถูกกดขี่ เอารัดเอาเปรียบ ไม่ใช่ผู้แทนของนายทุน และศักดินา กล้าสู้กับผู้มีอำนาจอิทธิพล แม้ว่าจะต้องโดนคดีและการใส่ร้ายป้ายสีต่างๆ ทั้งนี้ พรรคก้าวไกลตั้งแต่สมัยที่เป็นพรรคอนาคตใหม่ เป็นพรรคการเมืองแรกที่เสนอนโยบายปฏิรูปกองทัพ ยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร เปลี่ยนงบซื้ออาวุธเป็นสวัสดิการประชาชน และยังคงยืนยันในนโยบายนี้ แม้หลายคนจะบอกว่าควรเน้นเรื่องปัญหาปากท้องก่อน แต่พรรคก้าวไกลยืนยันว่าการปฏิรูปกองทัพ คือ หนึ่งในแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจ เป็นเรื่องเดียวกันกับการแก้ปัญหาปากท้อง ด้วย เหตุผลประการแรก เพราะถ้าพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล จะมีการปฏิรูปกองทัพเพื่อนำไปสู่การมีรัฐบาลพลเรือนที่อยู่เหนือกองทัพอย่างแท้จริง เพื่อหยุดวงจรอุบาทว์ของการทำรัฐประหารและการสืบทอดอำนาจ ที่เป็นต้นตอของปัญหาเศรษฐกิจของประเทศในปัจจุบัน ประการที่สอง หากพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล เราจะยกเลิกระบบเกณฑ์ทหาร คืนเวลาให้กับเยาวชนคนหนุ่ม ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยกำลังที่จะวิ่งไล่ตามความฝัน มาเป็นหนึ่งในฟันเฟืองที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชาติ
ประการที่สาม พรรคก้าวไกลจะลดกำลังพลและจำนวนนายพล นำมาเพิ่มสวัสดิการให้กับประชาชนแทน กระทรวงกลาโหมที่มีงบประมาณ 2 แสนล้านบาทต่อปี กว่าครึ่งหมดไปกับเงินเดือน ค่าตอบแทนต่าง ๆ ของกำลังพล หากลดงบบุคลากรส่วนนี้ลงได้ 15% ประเทศได้งบคืนมา 15,000 ล้านบาท เราจะมีงบประมาณไปใช้เป็นสวัสดิการประชาชนได้มากขึ้น, ประการที่สี่ ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล พฤติกรรมทุจริต คอร์รัปชั่น กินกันตั้งแต่กางเกงในยันเรือดำน้ำต้องหมดไป จะประหยัดงบประมาณกองทัพได้อีกไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท คือม็ดเงินที่จะโยกย้ายจากกระเป๋าของนายทหารไม่กี่คน ไปสู่กระเป๋าของประชาชนทั้งประเทศ, ประการที่ห้า การจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่จำเป็นอย่างที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ทั้งอาวุธ เรือดำน้ำ โดรน เครื่องบินรบ F-35 ขณะที่งบประมาณด้านสวัสดิการของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นงบบัตรทอง กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ต่างถูกตัดลดลง จะไม่เกิดขึ้นในรัฐบาลของพรรคก้าวไกล ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล เราจะประหยัดในสิ่งที่ควร ลงทุนในสิ่งที่ขาดอย่างฉลาดเพื่ออนาคต และเพื่อเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และประการสุดท้าย พรรคก้าวไกลจะซื้ออาวุธอย่างฉลาด ด้วยการสร้างอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ไม่ใช่เพียงได้รถถังหรือเรือดำน้ำที่มีวันล้าสมัย แต่ต้องให้ได้ทั้งของและองค์ความรู้ เทคโนโลยีที่จะเอาไปต่อยอด ให้เกิดเม็ดเงินลงทุนในประเทศ เกิดการจ้างงาน เกิด supply chain ในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศในไทยด้วย
พิจารณ์ กล่าวอีกว่า การปฏิรูปกองทัพ ก็คือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกลยืนยันว่าทำได้แน่หากได้เป็นรัฐบาล ที่ผ่านมารัฐบาลที่มีเสียงในสภาแบบเบ็ดเสร็จไม่ทำไม่ใช่เพราะทำไม่ได้ แต่เพราะเขาไม่มีเจตจำนงที่จะทำ สวัสดิการของประชาชนไม่ได้มีเงินทอนมากเท่ากับการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ตนยันว่านโยบายปฏิรูปกองทัพจะสำเร็จได้ต้องอาศัยนักการเมือง และพรรคการเมืองที่เห็นประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ที่ไม่ยี่หระกับผลประโยชน์ที่กองอยู่ตรงหน้า นักการเมืองที่มีประสบการณ์ทางการเมืองอย่างโชกโชน ทำพื้นที่มาอย่างต่อเนื่องเสนอตัวมาเป็นผู้แทน ตนว่าดี ไม่มีใครเถียง แต่ดีไม่พอถ้าอยากปฏิรูปกองทัพ ตนขอให้ความมั่นใจกับประชาชนชาวหลักสี่-จตุจักร ว่าเพชร กรุณพล จะเป็น ส.ส.ที่กล้าหาญเด็ดเดี่ยว พร้อมปฏิเสธลาภ ยศ สินบนกองผลประโยชน์ต่าง ๆ ที่จะมาล่อลวงเขา เพราะเขาคือหนึ่งในผู้สมัครที่เราคัดสรรมาแล้ว ดังนั้น ขอสื่อสารตรงไปที่นายทหารทุกคนในประเทศนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเรียนที่กำลังเรียนอยู่ในโรงเรียนเตรียมทหาร และโรงเรียนนายร้อย ที่กำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำกรมกองต่าง ๆ หากพรรคก้าวได้ไกลเป็นรัฐบาล เราจะคืนศักดิ์ศรีให้กับกองทัพ ทำให้กองทัพไทยเป็นกองทัพที่เข้มแข็ง ทันสมัย มีสวัสดิภาพที่ดีกว่านี้
"สภาพของกองทัพในเวลานี้ ไม่ต่างอะไรกับสังคมไทย คือรวยกระจุกแต่จนกระจาย ทหารยศนายพลที่รับราชการมาทั้งชีวิตมีทรัพย์สินเงินทองมากมาย ในขณะที่นายทหารชั้นผู้น้อยต่างต้องอยู่ในสภาพ 'เงินหมดแต่ยศยังอยู่' ถูกเอารัดเอาเปรียบ กดขี่จากผู้บังคับบัญชา ดังนั้น หากถ้าอยากให้นโยบายทั้งหมดนี้เป็นจริงได้ ทั้งการปฏิรูปกองทัพ และการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน เราต้องเริ่มตั้งแต่วันที่ 30 มกราคมนี้ ร่วมขีดเขียนอนาคตไปด้วยกัน ด้วยการกาเบอร์ 6 เลือก เพชร กรุณพล” พิจารณ์ กล่าว