ไม่พบผลการค้นหา
เลขาธิการและ ว่าที่ ส.ส. พรรคประชาชาติลงพื้นที่อีสานครั้งแรก ประเดิมอุดรธานี ขึ้นปราศรัยภาษาใต้วิจารณ์นโยบายรัฐบาล ย้ำไม่ได้แย่งคะแนนเสียงพรรคเพื่อไทย เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ชี้คนไทยจะเลือกฝ่ายประชาธิปไตย หรือ สืบทอดอำนาจ คสช.

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ ลงพื้นที่อีสานเหนือครั้งแรกที่อุดรธานี ยกประเด็นเรียนฟรีถึง ป.ตรี เลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดและสานต่อ 30 บาท รักษาทุกโรค กระจายหมอลงสู่ชุมชน 

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 6 ม.ค. ที่ศาลหลักเมือง ถ.อธิบดี หน้าศาลากลาง จ.อุดรธานี แกนนำพรรคประชาชาติ ประกอบด้วย พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ รองหัวหน้าพรรค พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรค นายสุพจน์ อาวาส รองโฆษกพรรค นายสุธรรม จินดา รองเลขาธิการพรรค พร้อมคณะว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จากหลายจังหวัดของภาคใต้ กรุงเทพฯ และว่าที่ผู้สมัครของอุดรธานี ทั้ง 8 เขต และบางจังหวัดของภาคอีสานตอนบน เช่น หนองคาย นครพนม สกลนคร บึงกาฬ หนองบัวลำภู ได้ร่วมทำพิธีสักการะสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเมืองอุดรธานี ประกอบด้วยพระพุทธโพธิ์ทอง ท้าวเวสสุวรรณ และศาลหลักเมือง 

ต่อมาเวลา 14.30 น.คณะของพรรคประชาชาติ โดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรค เดินทางไปพบปะประชาชนที่ บ้านของ นายอฤเดช แพงอะมะ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาชาติ เขต 3 บ้านเลขที่ 245 ถ.หนองเม็ก-บ้านดุง บ้านคำตานา ต.ทุ่งฝน อ.ทุ่งฝน โดยมีประชาชนในเขตเลือกตั้งที่ 3 ประมาณ 700 คน มาร่วมรับฟังนโยบายของพรรค และสมัครสมาชิกพรรค โดยให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคประชาชาติ จากจังหวัดภาคใต้ ทำการปราศรัยด้วยภาษาปักษ์ใต้ ผสมกับภาษากลาง พร้อมกับขับร้องทำนองมโนราห์ ที่สรุปถึงความล้มเหลวการบริหารของรัฐบาล และฝากพรรคประชาชาติเอาไว้กับพี่น้องประชาชน

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคฯ กล่าวปราศรัยว่า ทางพรรคประชาชาติ มีแนวทางในการดำเนินงานของพรรคหลัก ๆ ได้แก่ การกระจายอำนาจลงไปสู่ภูมิภาค ให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด สานต่อนโยบาย 30 บาท รักษาได้ทุกโรค การกระจายหมอลงไปสู่ รพ.สต. ให้เรียนฟรีจนจบปริญญาตรี บริหารประเทศด้วย 5 อ. คือ อาหาร อาชีพ อนามัย โอกาส และ ไม่เอาอยุติธรรม โดยเฉพาะสวัสดิการผู้สูงจะปรับปรุงให้เสมอภาคกันทุกคน ให้พ้นเส้นขีดความยากจน โดยเพิ่มเงินช่วยเหลือ

หลังจากเสร็จสิ้นการปราศรัยของ เลขาธิการพรรคประชาชาติ ได้การแนะนำตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในเขตแล้ว ได้มีการทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ กับคณะของเลขาธิการพรรคประชาชาติ ซึ่งเป็นพิธีการต้อนรับให้กับแขกบ้านแขกเมือง ตามประเพณีอีสานดั้งเดิม และเป็นครั้งแรกที่คณะของพรรคประชาชาติ ได้ทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ ที่มีมาอย่างต่อยาวนาน แสดงออกถึง การให้การต้อนรับอย่างจริงใจ และเป็นการผูกมัดผู้ที่ได้รับการทำพิธีบายศรีสู่ขวัญให้เป็นลูกเป็นหลานของคนอีสาน

พร้อมกับระบุว่า วันนี้ออกมาพบพ่อแม่พี่น้องชาวอีสานเหนือครั้งแรก ที่มีการตื่นตัวทางการเมือง เพราะว่าที่ผ่านมาอยู่ในระบอบที่ถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพมานาน จึงมีการตื่นตัวทางการเมืองมาก พรรคของเราถึงเป็นพรรคใหม่ แค่ก็ได้รับเสียงตอบรับค่อนข้างดี ส่วนเรื่องของตัวของว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในภาคอีสาน มีผู้แสดงความจำนงครบทั้ง 116 เขตเลือกตั้ง ซึ่งทางพรรคจะต้องทำการตรวจดูคุณสมบัติของว่าที่ผู้สมัครก่อน เนื่องจากว่ากฎหมายเลือกตั้งใหม่ ทาง กกต.หรือรัฐธรรมนูญ กฎหมายมีการกำหนดกฎเกณฑ์เหมือนผู้สมัครเป็นจำเลย ที่เราต้องดูแลในหลายอย่าง เราก็ต้องทำตามระเบียบที่มี

“วันนี้ผมคิดว่า พรรคเราจะมีสิ่งดีดีให้ประชาชน เราเห็นว่าวันนี้ปัญหาของประเทศชาติ ถ้าเรายังไปในแนวเดิม มันก็จะเกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำ ปัญหาของความแตกต่างของคนรวยคนจนที่มีเยอะ เพราะว่าตอนนี้พรรคประชาชาติ อาจจะมีวิธีคิดที่ต่างจากพรรคอื่น เรามองว่าการจะแก้ปัญหาของประเทศชาติ ต้องแก้โดยหลักการประชาธิปไตย คือต้องคืนอำนาจให้ประชาชน อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน ดังนั้นเราจึงต้องแก้ปัญหาโดยวิถีทางประชาธิปไตย ไม่ใช่แก้โดยรัฐธรรมนูญ”

เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวอีกว่า ต้องยอมรับว่าประชาธิปไตยเกิดมาก่อนรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญเกิดจากการร่าง ซึ่งคนร่างรัฐธรรมนูญไม่มีหัวใจเป็นประชาธิปไตยอยู่เลย ก็เขียนรัฐธรรมนูญที่ไม่มีอำนาจอธิปไตย เช่น อำนาจนิติบัญญัติ ปกติต้องให้ประชาชนเป็นผู้ร่าง ก็มี ส.ว.มาจากการแต่งตั้ง ก็ต้องยอมรับว่าใครเป็นคนร่างกฎหมาย เพื่อที่จะรับใช้คนของตัวเอง ดังนั้นถ้าเราจะแก้ปัญหาความยากจน แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ แก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศ เรต้องแก้โดยคืนอำนาจอธิปไตยให้ประชาชน ให้ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพ มีความเสมอภาค ให้ได้รับความยุติธรรม มีศักดิ์ศรี และลดความเหลื่อมล้ำทั้งในสิทธิเสรีภาพ และถิ่นกำเนิด

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้หลายคนมองว่าในภาคอีสานเป็นพื้นที่ของพรรคเพื่อไทย ทางพรรคประชาชาติลงมา จะซ้ำซ้อนเรื่องของคะแนนที่ประชาชนจะเลือก พ.ต.อ.ทวี ตอบว่า การที่มีคนมอง เชื่อว่าทั้งประเทศมองว่าจะมีคน 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือ ไม่ต้องการให้มีการสืบทอดอำนาจ อีกกลุ่มต้องการวิถีทางประชาธิปไตย ซึ่งรายละเอียดของวิถีทางประชาธิปไตย ก็คือนโยบายของพรรคการเมือง ซึ่งแต่ละพรรคมีความศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยเหมือนกัน แต่นโยบายอาจต่างกัน ซึ่งนโยบายของพรรคประชาชาติ เราถือว่าทุกคนมีสิทธิเสมอกัน มีศักดิ์ศรีเท่ากัน  

ส่วนเรื่องกระแสเลื่อนวันเลือกตั้งว่า พ.ต.อ. ทวี ระบุว่า วันนี้ต้องยอมรับว่าเราจะมีพระราชพิธีสำคัญ ที่เราต้องรับฟัง ซึ่งพรรคประชาชาติพร้อม และเชื่อว่าประชาชนรู้อยู่แก่ใจ คือคนถ้ามีเจตนาไม่บริสุทธิ์ เช่นอยากจะสืบทอดอำนาจก็เป็นอีกแบบหนึ่ง ที่เราเคยมีบทเรียนมา เช่น ปี 2534 รัฐธรรมนูญก็เป็นแบบนี้ คือ นายกรัฐมนตรีมาจากคนนอก ครั้งนั้นหลังการเลือกตั้งก็ไปเอาคนนอก คนที่เคยปฏิวัติรัฐประหารมาเป็นนายกฯ ก็อยู่ได้แค่ 48 วัน เชื่อว่าวันนี้ประชาชนมีบทเรียนอยู่แล้ว ดังนั้นประชาชนต้องการอธิปไตย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :