นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุถึงการลงพื้นที่เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ทีผ่านมา ที่ ต.นามะเขือ อ.ปลาปาก จ.นครพนม เพื่อดูสภาพจริงของบ้านเรือนราษฎรที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ตามที่รับปากกับชาวบ้านไว้ว่าจะลงพื้นที่ด้วยตนเอง โดยเห็นสภาพจริงว่าชาวบ้านไม่มีไฟฟ้าครัวเรือนใช้จริง ๆ ถึง 38 ครัวเรือน และชาวบ้านได้ขอใช้ไฟฟ้าจาก กฟภ.มานานนับปีแล้ว โดยพี่น้องบ้านนางิ้วได้อยู่กันแออัด 250 หลังคาเรือน มีประชากร 173 คน ความเป็นอยู่ยากลำบากทุกด้าน ทีวีไม่มีดูแม้แต่บ้านเดียว เด็กนักเรียนจะดูหนังสือทำการบ้าน ต้องดูจากตะเกียงกระป๋อง เป็นความเหลื่อมล้ำสุดๆระหว่างคนรวยกับคนจน
"คิดแล้วก็เศร้าใจ ถ้าบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยต่อเนื่อง คงไม่ต้องมาจดทะเบียนคนจนถึง 14.5 ล้านคน โดยมีคนยาก คนจน เต็มบ้าน เต็มเมือง เช่นนี้ แต่เราคนไทยต้องไม่ท้อถอย ไม่ย่อท้อต่อปัญหาอุปสรรค สักวันหนึ่ง เมื่อประชาชนตระหนักปัญหา หรือประสบปัญหาด้วยตัวเอง วันนั้นแหละ ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์จะเกิดขึ้นอย่างแท้จริง เมื่อ 50 ปีที่ผ่านมา ครั้งผมเรียนหนังสืออยู่ ม.ปลาย ก็เคยดูหนังสือจากตะเกียงกระป๋องน้ำมันก๊าดเช่นเดียวกับลูก หลาน เด็กนักเรียนบ้านนางิ้ว ไม่นึกว่าปัจจุบันอยู่ในยุค 4.0 ชาวบ้านยังลำบากไม่มีไฟฟ้าใช้อยู่อีก ผมจะไม่ยอมให้ปัญหานี้เกิดขึ้นอีก จะรีบแก้ไขปัญหาโดยเร็วที่สุด" นายชวลิต ระบุ
ส.ส.นครพนม ยังยกรัฐธรรมนูญ มาตรา 56 ที่มีบทบัญญัติคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของคนไทยไว้ว่า "รัฐต้องจัดหรือดำเนินการให้มีสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชนอย่างทั่วถึงตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน การจัดให้มีสาธารณูปโภค รัฐต้องดูแลมิให้มีการเรียกเก็บค่าบริการจนเป็นภาระแก่ประชาชนเกินสมควร ทั้งนี้ไม่โทษจังหวัด หรือ กฟภ.ในเรื่องงบประมาณที่ดูแลประชาชน แต่ประเด็นนี้อยุ่ที่นโยบายระดับรัฐบาลที่จะมียุทธศาสตร์แก้ไขปัญหาความยากจน ปัญความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยกับคนจนให้แคบเข้าอย่างไร
"นโยบายการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นเป็นนโยบายสำคัญที่บ้านอื่น เมืองอื่น ที่เจริญแล้ว ล้วนให้ความสำคัญกับการกระจายอำนาจ แต่หลักการของเผด็จการ คือ การรวบอำนาจ หรือรวมอำนาจไว้ที่ศูนย์กลาง ปัจจุบันระบบการปกครอง จึงเป็นแบบรัฐราชการ ถ้าบ้านเมืองยังไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ ก็ยากที่จะได้รับความเชื่อมั่น หานักลงทุนที่จะตั้งใจมาลงทุนได้ยากเย็นอย่างยิ่ง"
นายชวลิต ย้ำว่า เมื่อแย่งเก้าอี้กันเสร็จแล้ว โปรดหันกลับมามองปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ทำตามที่หาเสียงกับพี่น้องประชาชนไว้ ส่วนตนก็จะทำหน้าที่ตรวจสอบ เสนอแนะ โดยเฉพาะปัญหาความเดือดร้อนในด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน และจะนำปัญหาสู่สภาในเร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน