นายอรุณชัย พุทธเจริญ รองอธิบดีกรมประมง ชี้แจงหลังจากการประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองนำเรือประมงออกนอกระบบ ที่มีนายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์เป็นประธานว่า จากการที่คณะอนุกรรมการเปิดให้เรือประมงที่ได้รับผลกระทบจากการไม่สามารถทำประมงได้ตามการกำหนดจำนวนเรือประมงให้เหมาะสมกับขนาดน่านน้ำ เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนทรัพยากรทางทะเลมายืนยันตัวตนภายในวันที่ 10 ม.ค. 2562
พบว่าเรือที่สำรวจและขึ้นทะเบียนปี 2558 จำนวน 679 ลำ มีเจ้าของเรือมายืนยันสิทธิ์ขอรับค่าชดเชย 570 ลำ จากนั้นคณะทำงานตรวจสอบได้ดำเนินการตรวจสอบทั้งประวัติเจ้าของเรือและลำเรือโดยตรวจสอบเรือ 2 ข้อคือ สภาพเรือ โดยใช้ภาพถ่ายปี 2558 รวบรวมโดยกรมเจ้าท่าและลงพื้นที่ตรวจสอบการมีอยู่จริงของเรือ สรุปว่า เรือกลุ่มแรกที่เข้าเกณฑ์ได้รับค่าชดเชยคือ เรือไม้ 397 ลำ โดยประมาณการณ์งบประมาณไว้จำนวนหนึ่ง ซึ่งที่ประชุมต้องพิจารณาแนวทางการเสนอ ครม. อนุมัติงบประมาณอีกครั้งเพื่อให้เจ้าของเรือได้รับประโยชน์สูงสุด
สำหรับเรือเหล็ก 22 ลำ ที่ประชุมมีมติให้คณะทำงานพิจารณาอัตราค่าชดเชย แต่เจ้าของเรือบางรายยังเห็นว่าต่ำเกินไป จึงตั้งคณะทำงานร่วม 3 ฝ่าย ประกอบด้วย ภาครัฐ เจ้าของเรือ และสมาคมประมงฯ เพื่อหาราคากลางที่เหมาะสม จึงเสนอขออนุมัติงบประมาณช่วยเหลือต่อไป
ทั้งนี้ นายอรุณชัย กล่าวทิ้งท้ายว่า กลุ่มเรือประมงที่เจ้าของเรือไม่ประสงค์ประกอบอาชีพต่อ 2,513 ลำ คณะทำงานตรวจสอบแบ่งกลุ่มและจัดลำดับความเร่งด่วนประมาณ 2,000 ลำ ที่เหลือจะเร่งดำเนินการให้เสร็จโดยเร็ว ซึ่งมีทั้งผู้ที่ประสงค์ขอรับค่าชดเชย และผู้ประสงค์ให้รัฐช่วยประสานงานกับภาคเอกชนในต่างประเทศ เพื่อจำหน่ายเรือ เนื่องจากได้ราคาดีกว่า