ไม่พบผลการค้นหา
กรมประมง เตรียมประกาศปิดอ่าวฝั่งอันดามัน ระหว่างวันที่ 1 เม.ย. - 30 มิ.ย.นี้ ห้ามใช้เครื่องมือทำการประมงบางชนิดทำการประมงในพื้นที่ดังกล่าวในฤดูวางไข่ เพื่อคุ้มครองพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์สัตว์น้ำ และสัตว์น้ำวัยอ่อน

นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า ปี 2562 นี้ กรมประมงเตรียมประกาศกำหนดพื้นที่และระยะเวลาฤดูสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน ในที่จับสัตว์น้ำบางส่วนของพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ และตรัง เหมือนเช่นทุกปีที่ดำเนินการมาตั้งแต่ พ.ศ. 2528 ทั้งนี้เนื่องจากกรมประมงได้ทำการสำรวจผลการจับสัตว์น้ำในพื้นที่ดังกล่าวโดยเรือประมง พบว่า มีปริมาณการจับสัตว์น้ำมากขึ้น จากช่วงก่อนมาตรการที่มีอัตราการจับสัตว์น้ำเพียง 243 กิโลกรัมต่อชั่วโมง เพิ่มขึ้นเป็น 368 และ 619 กิโลกรัมต่อชั่วโมงในช่วงก่อนสิ้นสุดมาตรการ และช่วงสิ้นสุดมาตรการ แสดงให้เห็นว่ามาตรการดังกล่าวมีส่วนช่วยในการรักษาทรัพยากรสัตว์น้ำให้มีความอุดมสมบูรณ์เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์น้ำเศรษฐกิจของไทย เช่น ปลาทู ปลาลัง และกลุ่มสัตว์หน้าดิน เช่น ปลาเก๋า กุ้งแชบ๊วย เป็นต้น

สำหรับประกาศที่ว่านี้ ได้กำหนดเครื่องมือ วิธีการทำประมง และเงื่อนไขที่สามารถทำการประมงได้ ดังนี้

1. เครื่องมืออวนลากแผ่นตะเฆ่ ที่ใช้ประกอบเรือกลที่มีขนาดความยาวไม่เกิน 14 เมตร และทำการประมงในเวลากลางคืนให้ทำการประมงนอกเขตทะเลชายฝั่ง

2. เครื่องมืออวนล้อมจับปลากะตักให้ทำการประมงได้เฉพาะในเวลากลางวัน และให้ทำการประมงนอกเขตทะเลชายฝั่ง

3. เครื่องมืออวนติดตาปลาที่มีขนาดช่องตาอวนตั้งแต่ 4.7 เซนติเมตรขึ้นไป และมีความยาวอวนไม่เกิน 2,500 เมตร ต่อเรือประมง 1 ลำ ให้ทำการประมงในเขตทะเลชายฝั่งได้ ส่วนเครื่องมืออวนติดตาปลาที่มีช่องตาอวนตั้งแต่ 4.7 เซนติเมตรขึ้นไป และมีความยาวอวนเกิน 2,500 เมตรต่อเรือประมง 1 ลำ ให้ทำการประมงนอกเขตทะเลชายฝั่ง

4. เครื่องมืออวนปู อวนลอยกุ้ง อวนหมึก

5. เครื่องมืออวนครอบ อวนช้อน หรืออวนยกหมึก ที่ใช้ประกอบกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (เครื่องปั่นไฟ) ให้ทำการประมงนอกเขต ทะเลชายฝั่ง

6. ลอบปูที่มีขนาดตาอวนโดยรอบตั้งแต่ 2.5 นิ้วขึ้นไป ให้ใช้ทำการประมงได้ไม่เกิน 300 ลูก ต่อเรือประมง 1 ลำ ให้ทำการประมงในเขตทะเลชายฝั่งได้ ส่วนลอบปูที่มีขนาดช่องตาเฉพาะท้องลอบตั้งแต่ 2.5 นิ้วขึ้นไป ให้ทำการประมงนอกเขตทะเลชายฝั่ง 

7. ลอบหมึกทุกชนิด

8. คราดหอยที่ใช้ประกอบเรือกลที่มีขนาดความยาวไม่เกิน 18 เมตร มีความยาวของปากคราดไม่เกิน 3.5 เมตร ช่องซี่คราดไม่น้อยกว่า 1.2เซนติเมตร และจำนวนของเครื่องมือคราดหอยต้องไม่เกิน 3 อัน (หน่วย) ต่อเรือกล 1 ลำ ให้ทำการประมงนอกเขตทะเลชายฝั่ง โดยต้องปฏิบัติตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดเครื่องมือทำการประมง รูปแบบ และพื้นที่ทำการประมงของเครื่องมือประมง9. คราดหอยที่ห้ามใช้ทำการประมงในที่ จับสัตว์น้ำ พ.ศ. 2560 ลงวันที่ 13 ก.ค. 2560

10. อวนรุนเคย โดยต้องปฏิบัติตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ออกตามความในมาตรา 68 แห่งพระราช

กำหนดการประมง พ.ศ. 2558

11. จั่น ยอ แร้ว สวิง แห เบ็ด สับปะนก ขอ ลอบ ฉมวก แผงยกปูจักจั่น

12. เครื่องมืออื่นใดที่ไม่ใช้ประกอบเรือกลขณะทำการประมง

13. การใช้เรือประมงที่มีขนาดต่ำกว่า 10 ตันกรอส หรือการใช้เรือที่ใช้เครื่องยนต์มีกำลังแรงม้าไม่ถึง 280 แรงม้า สามารถใช้ทำการประมงได้ โดยการใช้เรือทั้งสองประเภทดังกล่าว จะต้องไม่ประกอบกับเครื่องมือทำการประมงตามประเภทที่กำหนดไว้ในประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดให้การใช้เรือประมงทุกขนาดประกอบเครื่องมือทำการประมงบางประเภทเป็นประมงพาณิชย์ พ.ศ. 2560 ลงวันที่ 15 ธ.ค. 2560 หรือไม่ประกอบกับเครื่องมือทำการประมงที่กำหนดห้ามตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดเครื่องมือทำการประมง วิธีการทำการประมง และพื้นที่ทำการประมงที่ห้ามใช้ทำการประมงในที่จับสัตว์น้ำเขตทะเลชายฝั่ง พ.ศ. 2560 ลงวันที่ 9 พ.ย. 2560 

การทำการประมงโดยใช้เครื่องมือตามข้อ 3 ข้อ 4 ข้อ 5 ข้อ 6 และข้อ 7 จะต้องปฏิบัติตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่องกำหนดเครื่องมือทำการประมง วิธีการทำการประมง และพื้นที่ทำการประมง ที่ห้ามใช้ทำการประมงในที่จับสัตว์น้ำเขตทะเลชายฝั่ง พ.ศ. 2560 ลงวันที่ 9 พ.ย. 2560 และเครื่องมือทำการประมงที่ใช้ทำการประมงต้องไม่เป็นเครื่องมือทำการประมง ที่ห้ามใช้ทำการประมง ตามมาตรา 67 มาตรา 69 หรือมาตรา 71 (1) แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558

ในส่วนของบทกำหนดโทษนั้น หากรายใดฝ่าฝืนต้องโทษตั้งแต่ 5,000 บาท - 30 ล้านบาท ตามขนาดของเรือประมง หรือ 5 เท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่จับได้ และจะถูกริบเครื่องมือทั้งหมด โดยการกำหนดห้ามใช้เครื่องมือทำการประมงบางชนิดในพื้นที่ปิดอ่าวฝั่งอันดามันนั้น เกิดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมและป้องกันการทำประมงผิดกฎหมาย ที่อาจส่งผลต่อความสมดุลทางธรรมชาติและรักษาทรัพยากรสัตว์น้ำและระบบนิเวศไว้อย่างยั่งยืน